สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ(องค์การมหาชน) เดินหน้า Street Food On Tour In Bangkok นำทีมเชฟผู้เชี่ยวชาญ เยือนธนาคารออมสิน สำนักงานใหญ่ ประเมินผู้ประกอบการร้านอาหาร ในฟู้ดคอร์ทและตลาดช่วยผู้ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ยกระดับสู่ความเป็นมืออาชีพ นำโดยทีมเชฟผู้เชี่ยวชาญจากครัววันดี พร้อมด้วยเชฟอดุลย์ จงเจริญ จากสมาคมเชฟประเทศไทยและเชฟขนิษฐา ชัยชาญกุล จากสถาบันเทคโนโลยีจิตลดา ที่ลงทำการประเมินกันถึงร้าน คุณธีระพงษ์ ศรีสนั่น เจ้าของร้าน คุณไก่ ออมสิน เจ้าของสูตรราดหน้า เห็ดเข็มทองทอด ได้บอกเคล็ดลับสำคัญ ในการเข้าไปนั่งในใจลูกค้าว่า นอกจากรสชาติอาหารสูตรเด็ดแล้ว ความสะอาดและความพิถีพิถันในการเลือกวัตถุดิบก็ต้องใส่ใจเป็นอย่างมาก เพราะสามารถช่วยให้ลูกค้ารับประทานได้อย่างมั่นใจ ส่วนคุณพนิดา ภูละอินทร์ จากร้านกาแฟบำนาญ บอกว่าการลงมาประเมินของ สคช.ครั้งนี้ ก็จะช่วยสร้างความเชื่อมั่น ให้กับลูกค้ามากขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการเอง ก็จะได้ตระหนักว่าต้องรักษามาตรฐาน ความสะอาดและความปลอดภัยไว้เสมอ การลงพื้นที่ประเมินครั้งนี้ เป็นการร่วมมือยกระดับมาตรฐานอาชีพ ผู้ประกอบการร้านอาหารในธนาคารออมสิน ซึ่งเป็นพันธมิตรกันมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ร้านอาหารภายในตลาดของออมสินเอง มีการดูแลมาตรฐานและพร้อมเข้าสู่การประเมิน สำหรับ Street Food On Tour in Bangkok ครั้งนี้เป็นการลงพื้นที่ต่อเนื่อง ซึ่งตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา มีผู้ประกอบอาหารและร้านอาหารริมบาทวิถี ได้รับการประเมินแล้วกว่า 500 ร้านค้า หลังจากนี้ สคช.ยังคงเดินหน้า หามืออาชีพในทุกพื้นที่ทั่วกรุงเทพมหานคร เพื่อให้มีร้านอาหารริมบาทวิถี ที่สะอาดปลอดภัยและได้มาตรฐานอย่างแท้จริง

นางสาววรชนาธิป จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เข้าประชุมร่วมกับ นายวินัย ฉายากุล ผู้อำนวยการกองวิศวกรรมการแพทย์ ผู้แทนจากกองวิศวกรรมการแพทย์ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข เพื่อหารือแนวทางการพัฒนาคนในสายงานมาตรฐานวิศวกรรมความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมในสถานบริการสุขภาพ เนื่องจากในสถานบริการสุขภาพ โรงพยาบาล ซึ่งมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ วิศวกรรมความปลอดภัยในสถานบริการสุขภาพโดยเป็นภาระรับผิดชอบของกองวิศวกรรมการแพทย์ฯ อยู่แล้ว แต่ในเรื่องของคนทำงานที่ผ่านมายังไม่ได้มีการจัดทำมาตรฐานเข้ามารองรับ จึงเห็นว่า สคช. จะเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนให้เกิดมาตรฐานสำหรับผู้ใช้เครื่อง ที่มีทั้งการวัด ทดสอบเครื่องมือในโรงพยาบาล และสถานบริการสุขภาพได้ นางสาววรชนาธิป กล่าวถึงแนวทางความร่วมมือในครั้งนี้ว่า สคช. รู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก ที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการใช้เครื่องมือทางการแพทย์ และเป็นส่วนหนึ่งในการกำหนดมาตรฐานเพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับความปลอดภัยในการรักษา อีกทั้ง สคช.เป็นหน่วยงานที่มีภารกิจในการประเมินและรับรองสมรรถนะของบุคคล โดยเฉพาะอาชีพที่ไม่มีกฎหมายรองรับ ด้วยระบบบริหารจัดการหน่วยรับรองตามมาตราฐาน ISO/IEC 17024 ทำให้ผู้ผ่านการประเมินเป็นที่ยอมรับในระดับสากล เบื้องต้น สคช. ได้และคนในอาชีพได้ร่วมกันจัดทำมาตรฐานอาชีพเกี่ยวกับสุขภาพไปแล้ว อาทิ อาชีพวิศกรรมชีวการแพทย์ นักเทคโนโลยีคลินิก และช่างอุปกรณ์ทางการแพทย์ และหากจะเป็นส่วนหนึ่งให้เกิดมาตรฐานอาชีพใหม่ก็พร้อมที่จะเป็นส่วนเติมเต็มเพื่อให้การรับรองคนได้ในอนาคต

นางสาววรชนาธิป จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ และคณะ หารือนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ถึงแนวทางความร่วมมือระหว่างสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพและการถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เพื่อพัฒนายกระดับ (Upskill) ให้พนักงานของการรถไฟแห่งประเทศไทยมีสมรรถนะการใช้ดิจิทัล (Digital Literacy) เพื่อที่จะเป็นแนวทางในการสร้างความก้าวหน้าในอาชีพให้กับพนักงานการรถไฟฯ กว่า 10,000 คน นำร่องสายงานที่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีดิจิทัลก่อนอันดับแรกกว่า 5,000 ชีวิต นายนิรุฒ ผู้ว่า รฟท. เล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาองค์กรสู่ยุคดิจิทัล (Digital Transformation) โดยถือว่าพนักงานในสายงานต่างๆ ต้องได้รับการพัฒนาสมรรถนะด้านการใช้ดิจิทัล เป็นรากฐานความพร้อมของการพัฒนาองค์กร การที่สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐที่มีภารกิจโดยตรงในการพัฒนากำลังคนมาบูรณาการทำงานร่วมกันก็จะทำให้กำลังคนของประเทศได้รับการพัฒนาอย่างมีมาตรฐานทัดเทียมนานาประเทศได้

ดร.อณูวรรณ วงศ์พิเชษฐ์ รองผู้อำนวยการสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) นำทีมถกร่วมกับ ทีมสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมาหชน) หรือ สคช. นำโดยนางสาววรชนาธิป จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันฯ ถึงแนวทางความร่วมมือในการยกระดับกำลังคนกลุ่มเปราะบางที่ TIJ ทำงานร่วมกับกรมราชทัณฑ์ โดยพิจารณาให้ผู้ต้องขังบางส่วนได้รับโอกาสในการพัฒนาตัวเอง เตรียมพร้อมเป็นคนดีกลับคืนสู่สังคมโดยมีอาชีพติดตัว สามารถสร้างงาน สร้างรายได้ได้จริง ทั้งนี้การพูดคุยเห็นควรยกระดับให้กับผู้ต้องขังในอาชีพอิสระ โดยเฉพาะการประกอบอาหารเพราะผู้ต้องขังสามารถออกมาหารายได้ ได้ในทันที และเป็นโครงการที่มีการขับเคลื่อนอยู่แล้วทั้ง 2 หน่วยงาน ซึ่งสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ทำให้ต้องหันมาให้ความสนใจเรื่องสุขอนามัย “Hygiene Street Food” ที่หากผู้ต้องขังได้เรียนรู้ พัฒนาทักษะ พร้อมเข้าสู่การประเมิน ก็จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสร้างโอกาสให้คนเปราะบางกลุ่มนี้สามารถประกอบอาชีพได้ รวมทั้งอีกหลายอาชีพที่มีแนวโน้มในการส่งเสริมให้กลุ่มคนเปราะบางเข้าสู่ระบบการประเมิน และได้การรับรองความเป็นมืออาชีพจากหน่วยงานภาครัฐ อาทิ จัดดอกไม้ เสริมสวย ตัดเย็บเสื้อผ้า หรืออาชีพที่ สคช. มีการจัดทำมาตรฐานอาชีพแล้วเสร็จอีกกว่า 800 อาชีพ ก็จะเป็นการเปลี่ยนแปลงชีวิตกลุ่มคนเปราะบางเหล่านี้ให้กลับเป็นคนดีของสังคมได้