ข่าวประชาสัมพันธ์

  • สคช. ร่วมถกวงเสวนาผ่านไทยพีบีเอส เนื่องในวันช้างไทย พร้อมร่วมผลักดันดูแลสวัสดิภาพช้างให้ดีขึ้น พร้อมยกระดับควาญช้างให้ได้รับคุณวุฒิวิชาชีพ

    14.03.2567
    211 View

    สคช. ร่วมถกวงเสวนาผ่านไทยพีบีเอส เนื่องในวันช้างไทย พร้อมร่วมผลักดันดูแลสวัสดิภาพช้างให้ดีขึ้น พร้อมยกระดับควาญช้างให้ได้รับคุณวุฒิวิชาชีพ ที่ องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย(ส.ท.ท.) หรือ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส มูลนิธิช้างแห่งประเทศไทย จัดกิจกรรมเสวนาเนื่องในวันช้างไทย ซึ่งตรงกับวันที่ 13 มีนาคม ของทุกปีโอกาสนี้ นางสาววรชนาธิป จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ได้ร่วมในการเสวนา “ในรอบปีที่ผ่านมากับปัญหาช้างไทย” ซึ่ง มี ผู้แทนกรมปศุสัตว์ , คุณธีรภัทร ตรังปราการ นายกสมาคมสหพันธ์ช้างไทย , รศ.น.สพ.ดร.ฉัตรโชติ ทิตาราม อาจารย์จากคณะสัตวแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ ผศ.สพ.ญ.ดร.สุภาเพ็ญ ศรีพิบูลย์ อาจารย์จากคณะสัตวแพทย์ มหาวิทยาลับเกษตรศาสตร์ ร่วมในวงเสวนา นางสาววรชนาธิป กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความผูกพันกับช้างอย่างลึกซึ้ง ตามที่เรามักจะเคยเห็นตามร่องรอยหลักฐาน ที่แสดงให้เห็นถึงความผูกพัน ระหว่างคนกับช้าง ล้วนแล้วแต่เปี่ยมล้นไปด้วยความผูกพัน ความเชื่อ ความศรัทธา อีกทั้ง ช้าง ยังมีบทบาทสำคัญต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และวิถีชีวิตคนไทยมาช้านาน แน่นอนว่าสถานการณ์ช้าง ไม่ว่าจะเป็นช้างป่า หรือช้างบ้าน ที่เกิดขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา หลายหน่วยงานพยายามที่จะผลักดันให้เกิดพระราชบัญญัติช้าง ที่เราเชื่อว่าจะเป็นการคุ้มครอง และรักษาดูแลช้าง ให้ได้รับการเลี้ยงดูที่และมีการจัดสวัสดิภาพที่เหมาะสม ช้างเป็นเหมือนจุดเด่นของประเทศไทย ที่เมื่อนึกถึงช้าง ต้องไทยแลนด์ เช่นเดียวกับมวยไทย หรืออาหารไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่คนไทยต้องให้ความสำคัญ และหากมองลึกลงไป จะเห็นว่า บุคคลที่มีส่วนสำคัญและอยู่ใกล้ชิดกับช้างมากที่สุด ที่เราเรียกกันว่า “ควาญช้าง” ถือว่าเป็นบุคคลที่สำคัญมากๆ เปรียบเสมือน “พ่อ” หรือ “ครู” ของช้าง เพราะมีหน้าที่ดูแลช้าง เป็นผู้ที่สั่งสอนและเลี้ยงดู เรียกว่าตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้น หากควาญช้างมีคุณภาพดี ก็จะส่งผลไปถึงการดูแลช้างที่ดีด้วย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องยกระดับความสำคัญของควาญช้างด้วย ตั้งแต่ปี 2564 สถาบันฯ ได้จัดทำมาตรฐานอาชีพ ด้วยมุ่งหวังให้เกิดการพัฒนาบุคลากรควาญช้างและการรับรองสมรรถนะควาญช้างให้ได้ตามมาตรฐานอาชีพ โดยผู้ที่จะมีคุณสมบัติในการประกอบอาชีพนี้ต้องประกอบด้วย ความรู้ด้านทฤษฎี และมีทักษะในการดูแลเลี้ยงช้าง สามารถดูแลสุขอนามัยของช้าง มีทักษะในการทำความสะอาดช้าง สามารถตรวจสภาพทั่วไปของช้าง ผิวหนัง และร่องรอยบาดแผล หรือสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นกับช้าง การรักษาพยาบาลช้างเบื้องต้นได้ เราจึงมุ่งหวังว่าการที่ช้าง โดยเฉพาะช้างบ้าน จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ ควาญช้างควรมีความรู้และมีทักษะในการดูแลสุขภาพช้าง สร้างความเชื่อมั่นต่อผู้คนว่าควาญช้างสามารถดูแลช้างโดยปราศจากการปฏิบัติอย่างทารุณ นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างมาตรฐานอาชีพให้กับผู้ประกอบอาชีพควาญช้าง เป็นการสร้างอาชีพให้ผู้ที่สนใจอยากจะสืบทอดการเป็นควาญช้างจากรุ่นสู่รุ่น เป็นการช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในสายตานักท่องเที่ยว ที่สำคัญยังเป็นการช่วยอนุรักษ์ภูมิปัญญาควาญช้าง เพื่อนำไปสู่การอนุรักษ์วัฒนธรรมการเลี้ยงช้างไทยและเชิดชูควาญช้างไทย ด้าน นายธีรภัทร ตรังปราการ นายกสมาคมสหพันธ์ช้างไทย กล่าวว่า ปัจจุบันมีช้างบ้านรวมกันทุกปางในประเทศไทยราวๆ 3,800 เชือก เท่ากับมีควาญช้างในจำนวนเท่าๆกัน จึงจะพยายามยกระดับควาญช้างให้ได้รับคุณวุฒิวิชาชีพ เพื่อสร้างมาตรฐานในการดูแลสวัสดิภาพช้างให้เหมาะสม และเชื่อมโยงให้สอดรับกับมาตรฐานสินค้าเกษตร การปฏิบัติที่ดีสำหรับปางช้างต่อไป

  • ณ ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายนิธิวัชร์ ศิริปริยพงศ์ รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ พร้อมผู้บริหารสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) เข้าร่วมประชุมคณะอนุกรรมการบริหารทุนมนุษย์เพื่อเข้าสู่อีอีซีโมเดล ครั้งที่ 2/2567

    13.03.2567
    445 View

    ณ ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายนิธิวัชร์ ศิริปริยพงศ์ รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ พร้อมผู้บริหารสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) เข้าร่วมประชุมคณะอนุกรรมการบริหารทุนมนุษย์เพื่อเข้าสู่อีอีซีโมเดล ครั้งที่ 2/2567

  • "สคช. ร่วมหารือ ปปส. และเครือข่าย สร้างวินสีขาว วินมอเตอร์ไซค์มืออาชีพ ห่างไกลยาเสพติด"

    12.03.2567
    549 View

    วันที่ 8 มีนาคม 2567 นางสาววรชนาธิป จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ พร้อมนายพิริยพงศ์ แจ้งเจนเวทย์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนานวัตกรรมคุณวุฒิวิชาชีพ พร้อมเจ้าหน้าที่สถาบันฯ เข้าร่วมประชุม คณะกรรมการที่ปรึกษา โครงการพัฒนาสุขภาวะ ความปลอดภัยในการทำงาน และภูมิคุ้มกันยาเสพติดในกลุ่มผู้ประกอบอาชีพมอเตอร์ไซค์รับจ้าง พื้นที่กรุงเทพมหานคร ณ ห้องประชุม Command Center สำนักงาน ป.ป.ส. ดินแดง โดยมี นายมานะ ศิริพิทยาวัฒน์ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. เป็นประธานการประชุม พร้อมเครือข่ายทั้งภาครัฐ เอกชน และกลุ่มอาชีพมอเตอร์ไซค์รับจ้าง อาทิ นางภรณี ภู่ประเสิรฐ ผู้อำนวยการสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ นายเฉลิม ช่างทองมะดัน นายกสมาคมผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างแห่งประเทศไทย ผู้แทนสำนักอนามัย ผู้แทนสำนักเทศกิจ สังกัดกรุงเทพมหานคร เป็นต้น โดยสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกรุงเทพมหานคร (ป.ป.ส.) ร่วมกับสำนักงานกองทุนส่งเสริมสุชภาพ (สสส.) มูลนิธิรักษ์ไทย และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ดำเนินโครงการพัฒนาสุขภาวะความปลอดภัยในการทำงาน และภูมิคุ้มกันยาเสพติดในกลุ่มมอเตอร์ไซค์รับจ้าง พื้นที่กรุงเทพมหานคร สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ได้นำเสนอภารกิจของสถาบันฯ พร้อมแนะนำมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพ สาขาวิชาชีพโลจิสติกส์ สาขาการจัดส่งอาหาร อาชีพผู้ให้บริการจัดส่งอาหารด้วยรถจักรยานยนต์ ระดับ 3-4 เป็นเครื่องมือในการพัฒนาอาชีพมอเตอร์ไซค์รับจ้างในส่วนของ - ความเชื่อมั่นของผู้ใช้บริการ - ยกระดับและสร้างโอกาสในสังคม - สร้างความแข็งแกร่งให้กับชุมชน ปัจจุบันมีอาชีพมอเตอร์ไซค์รับจ้างแจ้งในระบบ ประมาณ 86,000 คน ซึ่งหากมีมาตรฐานอาชีพ พร้อมมีสิทธิ์ประโยชน์ให้ ก็จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับอาชีพนี้ โดยเฉพาะการสร้างและให้รางวัลวินต้นแบบ ด้านจิตอาสาและช่วยเหลือสังคม พร้อมภูมิคุ้นกันด้านยาเสพติดในชุมชนอีกด้วย

  • สคช. ร่วมน้อมรำลึก "พระบิดาแห่งมาตรฐานการช่างไทย"

    02.03.2567
    623 View

    นายนิธิวัชร์ ศิริปริยพงษ์ รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ พร้อมคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ร่วมถวายเครื่องราชสักการะแด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร “พระบิดาแห่งมาตรฐานการช่างไทย” โดยมีคณะผู้บริหาร ข้าราชการ ตัวแทนหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน เข้าร่วมพิธีวางพานพุ่มสักการะ ภายในงาน ได้มีการจัดนิทรรศการที่เผยแพร่ข้อมูลภารกิจมาตรฐานฝีมือแรงงานที่จัดแสดงภายในงาน เพื่อเป็นการน้อมรำลึกในพระปรีชาสามารถด้านงานช่าง ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ กระทั่งเสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติแล้ว ก็ยังคงสนพระราชหฤทัยในงานช่างอย่างสม่ำเสมอ และทรงใช้ทักษะและความถนัด ในการสร้างสิ่งประดิษฐ์จำนวนมาก นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างความเข้าใจให้ภาครัฐและเอกชน ได้ตระหนักและเห็นถึงความสำคัญของมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ซึ่งกำหนดให้วันที่ 2 มีนาคม ของทุกปี เป็น “วันมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ”

  • สคช. ร่วมเวทีเสวนา เน้นย้ำให้สถานประกอบการ ร่วมผลักดันอุตสาหกรรมอาหารเป็นอุตสาหกรรมเรือธง Soft Power ของประเทศไทย

    06.03.2567
    633 View

    นางสาววรชนาธิป จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ในฐานะรองประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านอาหาร คณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เข้าร่วมเสวนาในหัวข้อ Entrepreneur Opportunity ปั้นแบรนด์ไทยในตลาดโลก โอกาสของผู้ประกอบการ สะท้อนศักยภาพการแข่งขัน ร่วมกับนางปรียากร ศังขวณิช ผู้อำนวยการสำนักนักส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม และนายแดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ (NRF) บริษัทผู้ผลิตจัดหาและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปรุงรสอาหาร อาหารสำเร็จรูป เครื่องปรุงสำหรับประกอบอาหาร ในงาน NRF Vision Day 2024 “Asian Food Disruption” นางสาววรชนาธิป กล่าวในการเสวนาว่า จากการทำงานในฐานะรองประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านอาหาร ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า โอกาสสำคัญของผู้ประกอบการอาหารในประเทศไทยที่จะต้องช่วยกันส่งเสริมและสนับสนุนนโยบาย soft power นี้ร่วมกัน เพราะภาครัฐ เปิดประตูบานใหญ่พร้อมให้การสนับสนุนภาคเอกชนให้เป็นตัวแทน ในการร่วมผลักดันอุตสาหกรรมอาหารเป็นอุตสาหกรรมเรือธง Soft Power ที่จะนำพาประเทศให้มีรายได้มากขึ้น และมีศักยภาพในการแข่งขันในทุกมิติบนเวทีสากล ตั้งแต่กระบวนการพัฒนาสินค้า กระบวนผลิต การจัดทำมาตรฐานในการผลิตให้ได้มาตรฐาน และการเชื่อมโยงสู่ตลาด ซึ่งเป็นการทำงานแบบบูรณาการกันทุกภาคส่วน โดยเฉพาะหนึ่งหมู่บ้านหนึ่งเชฟอาหารไทย ที่พร้อมเปิดโอกาสให้กับคนไทยมากกว่า 20 ล้านคน ได้มีโอกาสเรียนฟรี เพื่อเพิ่มทักษะ พัฒนา ต่อยอดคุณภาพชีวิตและสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ และเฟ้นหาสุดยอดเชฟอาหารไทยจาก 75,086 หมู่บ้าน มาต่อยอดฝึกฝนจนเป็นเชฟอาหารไทยมืออาชีพ ที่จะขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารไทยอย่างครบวงจร นี่เป็นสิ่งที่รัฐบาลมีความตั้งใจทำให้เกิดขึ้น ซึ่งก็หวังว่าทุกภาคส่วน ทั้งภาคเอกชน ภาคประชาชน จะพร้อมเดินไปกับภาครัฐที่ตั้งใจจะผลักดันให้อุตสาหกรรมอาหาร เป็น soft power ของไทยอย่างเข้มแข็งไปด้วยกัน อย่างไรก็ตาม ธุรกิจอาหารไทยยังเผชิญความท้าทายหลายประการ เช่น การแข่งขันที่รุนแรง การเปลี่ยนแปลงของเทรนด์อาหาร และความท้าทายด้านแรงงาน ดังนั้นแล้วอาหารไทยมีศักยภาพสูงที่จะเป็น Soft Power ที่สำคัญของประเทศ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน เพื่อขับเคลื่อนอาหารไทยสู่อนาคตได้อย่างยั่งยืน

  • สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ร่วมท้องถิ่นเพชรบูรณ์ เปิดโลกคุณวุฒิวิชาชีพ เติมทักษะคนเมืองมะขามหวาน ต่อยอดคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

    06.03.2567
    732 View

    สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ร่วมท้องถิ่นเพชรบูรณ์ เปิดโลกคุณวุฒิวิชาชีพ เติมทักษะคนเมืองมะขามหวาน ต่อยอดคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ร่วมองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ จัดกิจกรรมเปิดโลกคุณวุฒิวิชาชีพ อบรมฝึกทักษะทำมาหากินตามมาตรฐานอาชีพ ณ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ ดัดแปลงวัตถุดิบพื้นถิ่นอย่างมะขามหวาน น้ำผึ้ง ให้เป็นเมนูอาหาร และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด การสร้างพื้นฐานต่อยอดให้เป็นอาชีพได้ สอดรับนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ ของรัฐบาล สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับวัตถุดิบท้องถิ่นอย่างสร้างสรรค์ รวมถึงช่องทางและเทคนิคการจำหน่ายทำการตลาดเพื่อสร้างรายได้ โดยท้องถิ่นเพชรบูรณ์ มีความต้องการเสริมทักษะทางอาชีพให้กับชาวบ้าน สร้างผลิตภัณฑ์ส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างรายได้ในชุมชน รองรับการท่องเที่ยวหลังยูเนสโก ประกาศให้ เมืองโบราณศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม แหล่งที่ 4 ของไทย และเป็นมรกดโลกแห่งที่ 7 ของประเทศไทย นายอัครเดช ทองใจสด นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า จังหวัดเพชรบูรณ์มีจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวเพชรบูรณ์ปีละไม่ต่ำกว่า 2 ล้านคน และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ที่ผ่านมาจังหวัดมีผลิตภัณฑ์ต่างๆ หลายอย่าง มีสินค้าที่อยากทำ อยากขายแต่ไม่มีความรู้ ไม่ทราบว่าหัวใจการผลิตที่จะทำให้ขายได้ ความร่วมมือกับสถาบันคุณวุฒิ จึงจะเป็นช่องทาง เป็นโอกาสให้คนเพชรบูรณ์ได้เรียนรู้ช่องทางต่างๆ ซึ่งอาจจะได้อาชีพใหม่ให้ตัวเอง หรือเป็นอาชีพให้ลูก ให้ครอบครัว ที่จะสร้างรายได้เพิ่มขึ้น โดย อบจ. พร้อมประสานสถาบันเพื่อเจาะลึกไปแต่ละสาขาอาชีพอื่นๆ เพิ่มเติมด้วย นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้ชาวเพชรบูรณ์มีช่องทางการพัฒนาความรู้ ความสามารถ และทักษะตามมาตรฐานอาชีพผ่านแพลตฟอร์มการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง EWE ที่ล่าสุดเตรียมแจกคูปองสนับสนุนการพัฒนาตนเอง รีสกิล อัปสกิล เข้าอบรมฟรีๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ได้ยกระดับความรู้ความสามารถ โดยความร่วมมือกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ จะเป็นการสร้างต้นแบบการฝึกอบรมอาชีพร่วมกับหน่วยงานส่วนท้องถิ่นเพื่อตอบโจทย์การพัฒนาทักษะการประกอบอาชีพที่เหมาะสมกับคนในท้องถิ่นชุมชน ส่งเสริมให้เกิดการสร้างทักษะในการประกอบอาชีพที่ตรงตามมาตรฐานอาชีพ และนำไปสู่การรับรองคุณวุฒิวิชาชีพต่อไป อันจะเป็นการรองรับการพัฒนาศักยภาพชุมชนและการปรับตัวของ SMEs สู่การแข่งขันในตลาดด้วย

  • สคช.-MASCI เปิดอบรมสร้าง CB มาตรฐานสากล ตอกย้ำวงประชุมระดับโลก IAF เชื่อมั่นการรับรองบุคลากรทั่วโลกตามแนวทาง ISO/IEC17024

    05.03.2567
    611 View

    สคช.-MASCI เปิดอบรมสร้าง CB มาตรฐานสากล ตอกย้ำวงประชุมระดับโลก IAF เชื่อมั่นการรับรองบุคลากรทั่วโลกตามแนวทาง ISO/IEC17024

  • สคช. จับมือ กยศ. ดันนักเรียน นักศึกษาในเครือข่ายกว่า 6 ล้านคน เข้าสู่ระบบ EWE เพื่อเปิดโอกาส การมีงานทำ

    29.02.2567
    1,190 View

    สคช. จับมือ กยศ. ดันนักเรียน นักศึกษาในเครือข่ายกว่า 6 ล้านคน เข้าสู่ระบบ EWE เพื่อเปิดโอกาส การมีงานทำ สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) หรือ สคช. จับมือ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการส่งเสริมและพัฒนากำลังคนผ่านระบบ E-Workforce Ecosystem โดยมีนางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ พร้อมด้วย นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เป็นผู้จรดปากกาลงนาม โดยมี นางสาววรชนาธิป จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ พร้อมด้วยนางสาวนฤมล พูลทรัพย์ ที่ปรึกษาสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ และนางสาวนันทวัน วงศ์ขจรกิตติ รองผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พร้อมด้วยคณะผู้บริหารจากทั้ง 2 ฝ่ายร่วมเป็นสักขีพยาน นางสาวจุลลดา กล่าวว่า การลงนามในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งครั้งสำคัญ ในการร่วมกันพัฒนากำลังคนของประเทศ โดยมีเจตนารมณ์ ในการร่วมกันส่งเสริมการใช้งานระบบแฟ้มสะสมงานอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Portfolio พร้อมเชื่อมโยงข้อมูลภายใต้แพลตฟอร์ม E-Workforce Ecosystem (EWE) ในการบริหารจัดการข้อมูลด้านกำลังคน เพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตของประเทศไทย รวมถึงผลักดันการใช้นวัตกรรมการเรียนรู้รูปแบบใหม่ผ่าน E-Training ซึ่งทาง กยศ. มีการเปิดช่องทาง Up Skill และ Re Skill ซึ่งตรงกับความตั้งใจและเจตนารมณ์ ของสถาบัน ที่ต้องการเพิ่มช่องทาง ในการพัฒนากำลังคนของประเทศ โดย สคช. จะเป็นหน่วยงาน ที่มีเครื่องมือพร้อมสำหรับการใช้งาน ซึ่งประชาชนจะได้ประโยชน์จากการให้บริการบนแพลตฟอร์ม EWE โดยทาง กยศ. จะเดินหน้าขับเคลื่อนให้นักเรียน นักศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนเงินให้กู้ยืม ได้เข้าใช้งาน E-portfolio ซึ่งสามารถเก็บประวัติข้อมูลด้านการศึกษา ผลงาน ประสบการณ์ทำงาน การฝึกอบรมต่างๆ ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งสามารถสร้างเรซูเม่ เปิดโอกาสไปสู่การมีงานทำ ผ่านระบบจับคู่งาน หรือ Job Matching กับสถานประกอบการต่างๆ ตลอดจนการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม เพื่อช่วยเพิ่มทักษะ พัฒนาทักษะ และสร้างทักษะใหม่ที่จำเป็น ด้วยการขอรับ E-Coupon พร้อมเก็บสะสมสมรรถนะที่เกิดจากการเรียนรู้ ได้ที่ระบบ Competency Credit Bank นำไปสู่การได้รับคุณวุฒิวิชาชีพที่เทียบเท่ากับคุณวุฒิการศึกษา เพื่อการยกระดับกำลังคนของประเทศ ทั้งนี้ กยศ. ยังสามารถดูรายงานสถานะการมีงานทำของนักเรียนหรือนักศึกษาในรูปแบบแดชบอร์ด (Dashboard) ตลอดจนการประกอบอาชีพของนักเรียน นักศึกษา ในเครือข่าย เพื่อนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์ วางแผนการให้เงินทุนกู้ยืมการศึกษา และการกำหนดสาขาวิชาที่จะให้เงินทุนกู้ยืมการศึกษาได้ต่อไป นายชัยณรงค์ กล่าวว่า กองทุน มีนักเรียน นักศึกษา ผู้กู้ยืม ที่ได้รับโอกาสทางการศึกษา ตั้งแต่ปี 2539-2567 ไปแล้วกว่า 6.8 ล้านคน เป็นเงินให้กู้ยืมกว่า 7.6 แสนล้านบาท ทั้งนี้ กยศ. มีการเปิดช่องทางให้นักเรียน นักศึกษา ได้กู้ยืมเงินเพื่อมีโอกาสฝึกอาชีพ Up Skill Re Skill เริ่มต้นที่สาขาบริบาล เพื่อให้บุคคลกลุ่มนี้สามารถประกอบอาชีพได้ ซึ่งหากคนกลุ่มนี้ได้รับการรับรองคุณวุฒิวิชาชีพ ก็จะช่วยสร้างความมั่นคง และมีรายได้จากการประกอบอาชีพ สำหรับบันทึกความเข้าใจความร่วมมือในครั้งนี้ กยศ. เล็งเห็นความสำคัญ ของ EWE Platform โดยเฉพาะระบบ E-Portfolio ที่สามารถให้นักเรียน นักศึกษาในเครือข่าย ที่มีความรู้ และความสามารถ ได้มีโอกาสในการเข้าสู่กระบวนการเรียนรู้ในรูปแบบใหม่ พร้อมเก็บข้อมูลด้านการศึกษา การฝึกอบรม และประสบการณ์ต่างๆ ผ่าน E-Portfolio นำไปสู่การมีงานทำ และการประกอบอาชีพที่มั่นคงต่อไป

  • สคช. ร่วมยกระดับ 70 นักบริหารงานบุคคล จากสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ ก้าวสู่บันไดมืออาชีพ

    27.02.2567
    1,091 View

    23 กุมภาพันธ์ 2567 ณ ห้องประชุม Auditorium CP All Academy สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ นางสาววรชนาธิป จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ มอบประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพ ให้ผู้ผ่านการประเมินสมรรถนะของบุคคลตามมาตรฐานอาชีพ ในสาขาวิชาชีพบริหารงานบุคคล จำนวน 70 คน ประกอบด้วย อาชีพสรรหาและคัดเลือกบุคลากร อาชีพพนักงานสัมพันธ์ อาชีพบริหารค่าตอบแทน อาชีพเรียนรู้และพัฒนาทรัพยากรบุคคล อาชีพวางแผนอัตรากำลัง อาชีพนักพัฒนาองค์การ อาชีพบริหารงานงาน อาชีพบริหารความก้าวหน้าในสายอาชีพ คุณวุฒิวิชาชีพ ระดับ 3 -7 จากศูนย์รับรองคุณวุฒิวิชาชีพนักบริหารทรัพยากรมนุษย์ แห่งสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ หรือ PIM CERTIFIED CENTER : PIM HRCC องค์กรที่มีหน้าที่รับรองสมรรถนะของบุคคลาตามมาตรฐานอาชีพ โดยมี ผศ.ดร.เลิศชัย สุธรรมานนท์ รองอธิการบดี ส่วนพัฒนางานบริการวิชาการและองค์กร สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ ให้การต้อนรับ นางสาววรชนาธิป กล่าวว่า นักบริหารงานบุคคลในองค์กร เป็นบุคลากรสำคัญที่จะผลักดันให้องค์กรก้าวสู่ความสำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรักษากำลังคน ดังนั้น การสร้างความรู้ความเข้าใจให้นักบริหารทรัพยากรบุคคลได้ทำหน้าที่อย่างมีศักยภาพตามมาตรฐานอาชีพ พร้อมด้วยการรับรองคุณวุฒิวิชาชีพ จะเป็นแต้มต่อที่จะทำให้องค์กรขับเคลื่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพที่ได้รับในวันนี้ จะเป็นสิ่งที่การันตีได้ว่า ทุกคนเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ และมีศักยภาพ เพราะกว่าจะเป็น นักบริหารงานบุคคล จากสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) หรือ สคช. นั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องผ่านการประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญในอาชีพอย่างเข้มข้นมาแล้ว แสดงให้เห็นว่าผู้ที่ได้รับใบประกาศนียบัตร เป็นบุคลากรที่มีความพร้อม ที่จะเป็นต้นแบบในการนำมาตรฐานอาชีพไปใช้ในการทำงาน พร้อมกับการเป็นนักบริหารงานบุคคล มืออาชีพอย่างเต็มตัว ไม่เพียงแต่การทำงานตามมาตรฐานอาชีพเท่านั้นที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ ยังต้องรับมือ พร้อมปรับตัวให้เท่าทันกับความเปลี่ยนแปลงทางสังคม และเทคโนโลยีในโลกดิจิทัล

  • สคช. ร่วมแสดงความยินดีครบรอบ 44 ปี หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ

    27.02.2567
    882 View

    นางสาววรชนาธิป จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เป็นตัวแทนสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ร่วมแสดงความยินดี ร่วมแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสงานวันสถาปนาครบรอบ 44 ปี ก้าวสู่ปีที่ 45 ฐานเศรษฐกิจ โดยมีนายทิฆัมพร ศรีจันทร์ บรรณาธิการบริหาร หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ให้การต้อนรับ ณ ห้องบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ นางสาววรชนาธิป กล่าวแสดงความยินดีในโอกาสครบรอบ 44 ปี พร้อมอวยพรให้ฐานเศรษฐกิจ เป็นสื่อคุณภาพ นำเสนอข้อมูลข่าวสารอย่างรอบด้าน รวมถึงเป็นหนึ่งในช่องทาง ที่ช่วยเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์กับผู้ประกอบอาชีพในประเทศต่อไป

  • นางสาววรชนาธิป จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เข้าหารือกับนายธนสาร ธรรมสอน ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อหารือแนวทางการส่งเสริมยกระดับทักษะให้กับกลุ่มเกษตรกรด้วยคุณวุฒิวิชาชีพ

    27.02.2567
    921 View

    นางสาววรชนาธิป จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เข้าหารือกับนายธนสาร ธรรมสอน ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อหารือแนวทางการส่งเสริมยกระดับทักษะให้กับกลุ่มเกษตรกรด้วยคุณวุฒิวิชาชีพ โดยเฉพาะแนวทางการรับรองอาชีพนักส่งเสริมการเกษตร ให้กับกลุ่มเกษตรอาสา รวมถึงกลุ่มหมอดิน ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีแนวทางในการมอบค่าตอบแทนให้กับกลุ่มอาสาสมัครเช่นกันกับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม. ซึ่งหากใช้แนวทางระบบคุณวุฒิวิชาชีพซึ่งมีการทั้งอบรม ทดสอบ และให้การรับรองเป็นเครื่องมือในการพัฒนาทักษะให้กับกลุ่มเกษตรอาสาก็จะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรไทยเป็นอย่างมาก ซึ่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ พร้อมให้ความร่วมมือในการดำเนินการกับสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพอย่างเต็มที่

  • สคช. ผลักดันการเคลื่อนย้ายแรงงานข้ามชาติที่มีคุณภาพ เพื่อช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในประเทศไทย

    27.02.2567
    973 View

    สคช. ผลักดันการเคลื่อนย้ายแรงงานข้ามชาติที่มีคุณภาพ เพื่อช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในประเทศไทย เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2567 นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ มอบประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพและวุฒิบัตรการฝึกอบรมโครงการฝึกอบรมก่ออิฐและฉาบปูน สำหรับช่างก่อสร้างชาวกัมพูชา ก่อนมาทำงานในประเทศไทย โดยมีผู้ผ่านการฝึกอบรมรุ่นแรกนี้จำนวน 24 คน โครงการนี้เป็นโครงการนำร่องภายใต้ความร่วมมือของสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) หรือ สคช. มูลนิธิแรงงานสากลแห่งประเทศญี่ปุ่น (JILAF) องค์การเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐานระหว่างประเทศ (IOM) สังกัดสหประชาชาติ สภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทย (ECOT) บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (SCG) สมาคมผู้จัดหาแรงงานแห่งประเทศกัมพูชา (ACRA) และกระทรวงแรงงานและอาชีวศึกษา ประเทศกัมพูชา โดยมุ่งเน้นที่สาขาก่อสร้าง ก่อนจะขยายผลไปสู่สาขาอื่นๆ ทั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการนำเข้าแรงงานข้ามชาติที่มีทักษะตามมาตรฐานอาชีพไทย แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานให้กับนายจ้างไทย รวมถึงช่วยบรรเทาปัญหาความยากจนให้กับแรงงาน โครงการนี้เกิดขึ้นจากสภาองค์การนายจ้างฯ สำรวจความต้องการแรงงานข้ามชาติที่มีทักษะขั้นต้น จัดหาแรงงานโดยสมาคมผู้จัดหาแรงงานฯ ฝึกอบรมตามมาตรฐานอาชีพโดย SCG ประสานงานโดย IOM ภายใต้การบริหารโครงการของสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ และงบประมาณจาก JILAF โดยกระทรวงแรงงานและอาชีวศึกษา กัมพูชาแสดงความขอบคุณและหวังว่าจะได้ร่วมมือต่อเนื่อง เพื่อผลักดันการนำเข้าแรงงานที่มีคุณภาพภายใต้ MOU การจัดหางานระหว่างรัฐบาลไทยและกัมพูชาต่อไป

  • วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จทอดพระเนตรนิทรรศการการจัดงานแสดงผลิตภัณฑ์ผ้าไทย และงานหัตกรรมชุมชม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามโครงการพัฒนาผู้นำการเปลี่ยนแปลงภูมิปัญญาชุมชนไทย

    23.02.2567
    1,099 View

    วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จทอดพระเนตรนิทรรศการการจัดงานแสดงผลิตภัณฑ์ผ้าไทย และงานหัตกรรมชุมชม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามโครงการพัฒนาผู้นำการเปลี่ยนแปลงภูมิปัญญาชุมชนไทย ณ หอประชุมไพรพะยอม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี อำเภอเมืองอุบลราชธานี และบ้านคำปุน ตำบลคำน้ำแซบ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ข้าราชการ ประชาชน และคณะทำงานโครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก เฝ้ารับเสด็จ โอกาสนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ได้ทรงคัดเลือกผลงานที่โดดเด่นและมีเรื่องเล่า (Story) 20 ชิ้นงาน จากผู้ประกอบการ 20 ราย ที่ได้รับการสนับสนุนจากกรมการพัฒนาชุมชน เข้ารับคำปรึกษาแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าทอและเครื่องจักรสาน โดยนางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ได้รับเชิญให้ร่วมเป็นผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้พร้อมเตรียมการรับรองคุณวุฒิวิชาชีพให้ บุคลากรในกลุ่มอาชีพศิลปะหัตถกรรม ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือต่อไป

  • สคช. มอบประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพ รับรองผู้ช่วยผู้จัดการร้าน จากฟู้ด แฟคเตอร์ การันตีการให้บริการมืออาชีพ

    23.02.2567
    1,098 View

    นางสาววรชนาธิป จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ มอบประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพ ให้กับผู้ที่สำเร็จการฝึกอบรม ได้รับประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพ และหนังสือรับรองสมรรถนะ ในอาชีพผู้ช่วยจัดการร้าน คุณวุฒิวิชาชีพระดับ 3 และระดับ 4 จากร้าน EST.33 ร้านคิตะโอจิ และร้านเชฟป้อม ร้านอาหารชื่อดัง บริษัท ฟู้ด แฟคเตอร์ จำกัด เพื่อเชิดชูความสำเร็จ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับพนักงานที่ได้รับการรับรองคุณวุฒิวิชาชีพ พร้อมกันนี้ ได้มอบหนังสือเห็นชอบหลักสูตรฝึกอบรมในสถานประกอบการตามมาตรฐานอาชีพ ให้แก่บริษัท เคที เรสทัวรองท์ จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจอาหาร ซานตา เฟ่ สเต็ก (Santa Fe’’) และร้านอาหารอีสาน เหม็ง แซ็ปนัว โดยมีนายกฤษณ์ เปลื้องประสิทธิ์ Senior HRBP Manager บริษัท ฟู้ด แฟคเตอร์ จำกัด ให้การต้อนรับและร่วมแสดงความยินดี นางสาววรชนาธิป กล่าวว่า สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ มีความเชื่อมั่นว่าสถานประกอบการแต่ละแห่ง ต่างกระบวนการพัฒนากำลังคนที่มีประสิทธิภาพอยู่แล้ว โดยเฉพาะบริษัท ฟู้ด แฟคเตอร์ ถือเป็นหนึ่งในสถานประกอบการที่ให้ความสำคัญ และมองเห็นคุณค่าของการพัฒนาศักยภาพของพนักงาน ด้วยการส่งเสริมให้ได้รับการพัฒนา จากการเทียบเคียงความสอดคล้องหลักสูตรการฝึกอบรมกับมาตรฐานอาชีพ พร้อมผลักดันให้มีการรับรองคุณวุฒิวิชาชีพในองค์กร ไม่เพียงแต่การนำไปสู่หลักประกันที่มั่นคงในการประกอบอาชีพ ทั้งรายได้ ความก้าวหน้าในการทำงานเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมแรงให้องค์กรมีการบริหารยอดขายเป็นไปตามเป้า สร้างการเติบโตให้กับธุรกิจด้านอาหารต่อไป

  • อนุทิน ร่วมวงประชุมสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ชี้การรับรองคนด้วยคุณวุฒิวิชาชีพ ช่วยเสริมฐานราก สร้างโอกาส สร้างงาน สร้างรายได้ให้คนไทยได้อย่างยั่งยืน

    22.02.2567
    1,109 View

    อนุทิน ร่วมวงประชุมสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ชี้การรับรองคนด้วยคุณวุฒิวิชาชีพ ช่วยเสริมฐานราก สร้างโอกาส สร้างงาน สร้างรายได้ให้คนไทยได้อย่างยั่งยืน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะกำกับดูแลสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพวาระพิเศษ ซึ่งมีนายนคร ศิลปอาชา ประธานกรรมการสถาบัน นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบัน และคณะกรรมการสถาบันเข้าร่วมประชุม โดยมีวาระการหารือภาพรวมการพัฒนากำลังคนของประเทศไทย แนวนโยบายการกำหนดค่าจ้างตามมาตรฐานอาชีพและระดับคุณวุฒิวิชาชีพ รวมถึงการบูรณาการเพื่อขับเคลื่อนงานในพื้นที่ 13 จังหวัดของประเทศไทย ภายใต้การกำกับดูแลของรองนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชี้สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ มีทิศทางการดำเนินงานที่ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้ จากภารกิจหลักในการรับรองความรู้ ความสามารถ ทักษะในการทำงานของกำลังคน ซึ่งเป็นการยืนยันศักยภาพการทำงาน รองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะในระดับภูมิภาคอาเซียน ที่ประเทศไทยสามารถเป็นศูนย์กลางที่มีความสำคัญในระดับภูมิภาคทั้งการขนส่ง ระบบโลจิสติกส์ต่างๆ โดยเฉพาะโครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมทะเลอ่าวไทย-อันดามัน หรือแลนด์บริดจ์ ซึ่งเป็นโครงการที่จะทำให้ประเทศไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เพราะจะทำให้เกิดการลงทุนเศรษฐกิจเติบโตอย่างเต็มที่ และสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ สามารถให้การรับรองคนตอบโจทย์การพัฒนากำลังคนคุณภาพเสริมสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนรองรับโครงการนี้ได้ เมื่อเกิดการจ้างงาน คนไทยมีงานทำ อุตสาหกรรมขยายตัว เพียงเท่านี้ก็สร้างความยั่งยืนให้กับประเทศได้ นายอนุทิน ยังกล่าวว่าประเทศไทยยังมีโอกาสเติบโตเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ที่การบริการด้านสุขภาพของประเทศไทยก็เป็นเสมือน Soft Power ที่ต่างชาติให้ความนิยม ความชื่นชอบ ธุรกิจโรงพยาบาลจึงมีโอกาสทางเศรษฐกิจสูง และจะนำมาซึ่งการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว คนนำเที่ยว หรือไกด์ จึงมีความสำคัญ จะเป็นทิศทางที่ดีหากสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพเข้าไปให้การรับรองคนเหล่านี้ ก็จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวได้ นายอนุทิน ย้ำว่า เงินบาทไทย ซื้อของไทย ใช้ในประเทศไทย ยังไงคนไทยก็จะได้จากเม็ดเงินที่หมุนเวียนภายในประเทศ และนี่คือการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่เหนืออื่นใดคือต้องสร้างความมั่นคง สร้างรายได้ ทำให้คนไทยเกิดความยั่งยืนในการสร้างรายได้ ซึ่งทิศทางนโยบายต่างๆ จะขับเคลื่อนให้เกิดโครงการอีกมากในการพัฒนาประเทศ จึงจำเป็นที่ต้องวางรากฐานที่มั่นคงให้กับคนไทย หลักการของสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ คือการเติมทักษะ ให้การรับรอง และสามารถนำใบคุณวุฒิวิชาชีพไปใช้ในการประกอบอาชีพได้เสมือนใบปริญญา เมื่อพัฒนาคนให้ดี มีโอกาส ช่องทางให้เกิดการจ้างงาน ทำให้คนมีรายได้อย่างยั่งยืน เพียงเท่านี้ก็สามารถช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับคนในประเทศไทยและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตได้เช่นกัน ทั้งนี้ในการประชุมได้มีการนำเสนอผลการศึกษาแนวทางการพัฒนาสมรรถนะแรงงานของประเทศไทยด้วย Competency-base payment โดยสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ซึ่งเห็นตรงกันว่าเป็นแนวทางที่สามารถนำไปสู่การกำหนดค่าจ้างตามมาตรฐานอาชีพได้ในอนาคต

  • สคช. ร่วมแสดงความยินดี ในโอกาสที่ บสย. ก้าวสู่ปีที่ 33 ต่อยอดโอกาสก้าวเข้าถึงแหล่งทุน ให้ผู้ประกอบการ SMEs ที่มีคุณวุฒิวิชาชีพ

    21.02.2567
    1,075 View

    นางสาววรชนาธิป จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เป็นตัวแทนสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) เข้าร่วมแสดงความยินดี กับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม หรือ บสย. ในโอกาสคล้ายวันสถาปนา บสย. ก้าวสู่ปีที่ 33 โดยมีนางดุสิดา ทัพวงษ์ รองผู้จัดการทั่วไปอาวุโสสายงานบริหารช่องทางและพัฒนาผู้ประกอบการ พร้อมด้วย นายกิตติพงษ์ บุรณศิริ รองผู้จัดการทั่วไปสายกลยุทธ์และผลิตภัณฑ์ และนายวุฒิพันธ์ุ ปริดิพันธ์ รองผู้จัดการทั่วไปสายงานปฏิบัติการ เป็นผู้รับมอบ ในการนี้ สคช. ได้ร่วมบริจาคเงินสมทบทุนเพื่อเป็นการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ให้กับมูลนิธิออทิสติกไทย (Autistic Thai Foundation) แทนการมอบประเช้าและของขวัญแสดงความยินดี นางสาววรชนาธิป กล่าวว่า ที่ผ่านมา สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) หรือ สคช. ได้มีการทำงานร่วมกันกับพันธมิตรอย่าง บสย. ตามโครงการพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs คุณวุฒิวิชาชีพ เพิ่มโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งปีนี้จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 แล้ว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs ในเครือข่ายของสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ให้มีการเตรียมความพร้อมในเรื่องการเงิน และให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายขึ้น ซึ่ง ทาง บสย. จะทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้ผู้ประกอบการธุรกิจ SMEs ได้มีการบริหารจัดการเงินทุนในการทำธุรกิจ ทั้งการทำบัญชีการเงิน เสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจ รวมถึงการเข้าไปช่วยค้ำประกันเงินกู้ ให้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ทุกธนาคาร ทั้งนี้ ผู้ที่ผ่านการประเมิน และได้รับการรับรองคุณวุฒิวิชาชีพ จาก สคช. ก็จะมีโอกาสในการพิจารณาให้สินเชื่อของสถาบันทางการเงิน โดยการค้ำประกันสินเชื่อธุรกิจจาก บสย. นับเป็นการสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการได้ต่อยอดทางธุรกิจอย่างเข้มแข็งต่อไป