สคช. มอบประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพแก่บุคลากรมืออาชีพ และร่วมจัดกิจกรรมเปิดโลกคุณวุฒิวิชาชีพ เติมทักษะ พัฒนาคุณภาพชีวิตแก่พนักงานและภาคีเครือข่ายบริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ พร้อมด้วย นายเคนอิจิโร ซารุวาตาริ ประธานบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ AAT ร่วมกันมอบประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพ และหนังสือรับรองสมรรถนะแก่บุคลากรในสถานประกอบการที่ได้ผ่านการฝึกอบรมตามมาตรฐานอาชีพ รุ่นที่ 2 จำนวน 250 คน ในอาชีพช่างเทคนิคหุ่นยนต์, อาชีพช่างระบบนิวเมติกส์ ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์, อาชีพช่างปรับประกอบเครื่องจักร ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์, อาชีพนักบูรณาการระบบการผลิต และยังได้เดินทางไปมอบประกาศนียบัตร ณ จุดปฏิบัติงานของช่างควบคุมหุ่นยนต์ และอาชีพช่างซ่อมสีรถยนต์ด้วย โอกาสเดียวกันนี้ ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ และคณะผู้บริหาร บริษัท AAT ได้ร่วมกิจกรรมเปิดโลกคุณวุฒิวิชาชีพ เติมทักษะ ต่อยอดคุณภาพชีวิตพนักงานในสถานประกอบการ ที่เป็นความร่วมมือ ระหว่างสคช. กับ AAT ในการอบรมอาชีพเสริม หวังสร้างอาชีพใหม่ เพื่อให้สามารถนำไปต่อยอดสร้างธุรกิจรองรับหลังจากเกษียณอายุหรือลาออก ด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาผสมผสานกับทรัพยากร ภูมิปัญญา พื้นบ้าน เพื่อสร้างอาชีพ และสร้างรายได้ให้ครอบครัว อย่างเป็นมืออาชีพ โดยการอบรม แบ่งเป็น 5 ฐาน ประกอบด้วย ฐานที่ 1 ประกอบอาหารสร้างอาชีพ นำทีมวิทยากรโดย เชฟไวภพ แซ่ปึง เชฟชื่อดังมืออาชีพ, ฐานที่ 2 ผู้ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร โดยวิทยากร คุณธิติมา ตะรุสะ ประธานวิสาหกิจชุมชนภูริธาราพรรณ, ฐานที่ 3 เทคนิคการตลาดออนไลน์ผ่านแอพพลิเคชั่น Tiktok โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดออนไลน์ คุณบุญญาภา พึ่งปาน และคุณจิรทีปต์ อธิพงศ์พิชิต, ฐานที่ 4 การเป็นบาริสต้าเบื้องต้น โดยคุณศิวกร บุญศิริชาญ ผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟ Thailand Barista 2012 และฐานที่ 5 การบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศเบื้องต้น โดยทีมอาจารย์จากแผนกวิชา ช่างไฟฟ้ากำลัง วิทยาลัยเทคนิคบางแสน นอกจากนี้ สคช.ยังส่งเสริมให้ บุคคลากร AAT และครอบครัว รวมถึงรัฐวิสาหกิจชุมชนใกล้เคียง ได้มีช่องทางการพัฒนาความรู้ พัฒนาทักษะผ่านแพลตฟอร์ม EWE ที่มีบริการหลากหลายเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงการ Up-skill Re-skill ได้ไม่จำกัดเวลาและสถานที่ โดยเฉพาะระบบแนะแนวการเรียนรู้สู่อาชีพ หรือ Learning and Career Guidance (LCG) ที่แนะแนวนักเรียน นักศึกษา คนทำงาน จากโลกการศึกษา ไปสู่โลกของอาชีพได้อย่างตรงเป้าหมายอีกด้วย

สคช.สัมมนาเปิดมุมมองการพัฒนาคนให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงสู่โอกาสของการทำงานแห่งอนาคต โดยเฉพาะทักษะดิจิทัล ร่วมกับนานาชาติ ดร.ณฐา จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ กล่าวปิดการสัมมนานานาชาติ “Competency Development for Lifelong Learning and Future of Jobs” ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 30-31 ก.ค. 2567 ณ โรงแรมพูลแมน แบงก์ค็อก คิง พาวเวอร์ โดยการสัมมนาวันที่ 2 ได้มีการรับฟังการบรรยายจากสปีคเคอร์หลายประเทศ อาทิ Mr. Jeong Jeahun, Director, Institute for Information & communication Technology Planning & evaluation หรือ IITP สังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ สาธารณรัฐเกาหลี ที่ระบุว่าเมื่อดิจิทัลเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทุกๆ ประเทศก็จำเป็นต้องพัฒนาคนให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ในประเทศเกาหลี นอกจากการสนับสนุนของรัฐบาลแล้ว ภาคเอกชนก็เป็นส่วนที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาคนให้เกิดขึ้นอย่างก้าวกระโดด และกลยุทธ์ในการสร้างแรงจูงใจแก่ช่วงวัยที่กำลังพัฒนาได้ หรือกลุ่มเยาวชน คือการให้ค่าตอบแทนในการประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องกับด้านดิจิทัลที่สูงและมีการสร้างดิจิทัลมายด์ให้นำไปสู่การเป็นประชากรดิจิทัลที่มีคุณภาพควบคู่กันไปด้วย นอกจากนี้ ยังได้เห็นตัวอย่าง K Hi-tech Platform ที่ช่วยพัฒนาทักษะดิจิทัลให้กับนักศึกษาและคนทำงานในเกาหลี ซึ่งช่วยให้สามารถต่อยอดธุรกิจได้อีกด้วย ขณะเดียวกันก็มีเวทีอภิปราย ที่มีวิทยากรผู้แทนจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน มาร่วมพูดคุยในประเด็น “ความท้าทายของประเทศไทยและการพัฒนาทักษะดิจิทัล เพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต” โดยมี นายลักษมณ์ เตชะวันชัย รองประธานสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย, นายอุดมธิปก ไพรเกษตร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดีบีซี กรุ๊ป จำกัด และประธานกรรมการบริหาร สถาบันพัฒนาและทดสอบทักษะดิจิทัล และ นางสาวพลอยรวี เกริกพันธ์กุล ผู้อำนวยการกองขับเคลื่อนดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งมองว่าในมิติของการพัฒนาคนต้องอาศัยทุกองคาพยพ และเป็นความท้าทายของคนในทุกระดับ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ทุกคนต้องตระหนักถึงการเรียนรู้และพัฒนาตนเองตลอดเวลา มีการอภิปรายถึงการฝึกอบรมหน่วยเล็กๆ ในสถานประกอบการแต่สามารถเพิ่มทักษะ พัฒนาความสามารถให้กับพนักงานในการรองรับเทคโนโลยีหรืองานใหม่ๆ ให้ทันโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งผู้บริหารจาก บริษัท ฟู้ดแพชชั่น จำกัด โดย คุณนาฑีรัตน์ บุญรัตน์ ประธานบริหารสายงานทรัพยากรบุคคลและหน่วยพีเพิลคอนเน็ค ได้มาแชร์ประสบการณ์ในการอบรมพนักงานจนได้รับการรับรองคุณวุฒิวิชาชีพ ร่วมกับ Mr. Austin Cowan, Strategic Account Executive, Pearson

สคช. มอบประกาศนียบัตรแก่ช่างเสริมสวยมืออาชีพ พร้อมร่วมยินดีกับการเปิดตัว 6 นักกีฬาศิลปะความงามที่ได้แชมป์ประเทศไทย ร่วมแข่งขันกีฬาศิลปะความงาม ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในงาน OMC HAIR WORLD PARIS ตอกย้ำความเก่งด้วยประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพ นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เป็นประธานมอบใบประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพและหนังสือรับรองมาตรฐานอาชีพ ในสาขาวิชาชีพธุรกิจเสริมสวยและเสริมสร้างสุขภาพร่างกาย ให้กับผู้ผ่านการประเมินสมรรถนะของบุคคลตามมาตรฐานอาชีพ จากโรงเรียนเสริมสวยและออกแบบทรงผมนานาชาติณรงค์ (สถาบันแอนโทนี่แฮร์) ประกอบด้วย อาชีพช่างสักคิ้ว ระดับ 4, อาชีพช่างทําเล็บ ระดับ 4, อาชีพช่างทําผมบุรุษ-สตรี ระดับ 4, อาชีพช่างต่อขนตา ระดับ 3, อาชีพผู้สอนสักคิ้ว ระดับ 6, อาชีพผู้สอนทําเล็บ ระดับ 6, อาชีพผู้สอนทําผมสตรี ระดับ 6 และอาชีพผู้สอน ต่อขนตา ระดับ 4 รวม 120 คน โดยมีอาจารย์สมเพชร ศรีชัยโย ผู้บริหารโรงเรียนเสริมสวยและออกแบบทรงผมนานาชาติณรงค์ องค์กรที่มีหน้าที่รับรองสมรรถนะบุคคลตามมาตรฐานอาชีพ ที่ได้รับมาตรฐานสากล ISO/IEC 17024 ให้การต้อนรับ โอกาสนี้ ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพกล่าวว่า การได้รับการรับรองในทักษะในอาชีพ เป็นการสร้างมาตรฐาน และยกระดับอาชีพผู้ประกอบการธุรกิจเสริมสวย ให้มีคุณค่า สามารถพัฒนาศักยภาพและสมรรถนะในการประกอบอาชีพ ตลอดจนสามารถต่อยอดและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้มั่นคงยิ่งขึ้น พร้อมทั้งได้กล่าวแสดงความยินดีกับ 6 นักกีฬาศิลปะความงาม ที่ได้แชมป์ประเทศไทยในงาน OMC THAILAND BEAUTY CULTURE FESTIVAL DOMESTIC CHAMPIONSHIP 2024 ที่ไอคอนสยาม เมื่อวันที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา เพื่อไปเป็นตัวแทนประเทศไทยในการแข่งขัน กีฬาศิลปะความงาม ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสในงาน OMC HAIR WORLD PARIS ซึ่งทั้ง 6 ท่าน เป็นผู้ที่ได้ผ่านการรับรองคุณวุฒิวิชาชีพของสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ และมุ่งมั่นว่าจะคว้าชัยชนะกลับมาสู่ประเทศไทย และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย

สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ขึ้นแท่นอันดับ 1 กลุ่มองค์การมหาชน ผลการประเมิน ITA 97.02 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ประกาศผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment: ITA) ประจำปี 2567 (ITA DAY & ITA AWARDS 2024) ภายใต้แนวคิด Transparency with Quality: โปร่งใสอย่างมีคุณภาพ โดยผลประเมินสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) หรือ สคช. ได้คะแนนสูงสุดอันดับ 1 ประเภทกลุ่มหน่วยงานองค์การมหาชน ได้รับผลการประเมินผลในภาพรวม 97.02 คะแนน อยู่ในระดับผ่านดี พร้อมรับโล่รางวัลเกียรติยศ ITA Awards 2024 สำหรับปัจจัยที่ทำให้สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ มีผลประเมินสูงสุดเป็นอันดับ 1 จาก 60 หน่วยงานในกลุ่มองค์การมหาชน เนื่องจากมีการขับเคลื่อนดำเนินงานตามนโยบายของผู้บริหารที่ให้ความสำคัญกับการดำเนินงานด้านคุณธรรมและความโปร่งใส เน้นย้ำให้บุคลากรของสถาบันพัฒนาปรับปรุงคุณภาพการดำเนินงานให้มีคุณภาพ โปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยปราศจากการทุจริต มุ่งให้เกิดคุณธรรมและความโปร่งใสในองค์กร อาทิ การประกาศเจตนารมณ์และการสร้างวัฒนธรรม No Gift Policy รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการและการอำนวยความสะดวกต่อประชาชนให้เข้าถึงการบริการของสถาบันด้วยความเป็นธรรม ปฏิบัติงานอย่างมีมาตรฐาน ทั้งนี้นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ได้กำหนดนโยบายให้สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ต้องเป็น องค์กรดิจิทัล พร้อมให้บริการที่ตอบโจทย์การใช้งานของประชาชน อย่างโปร่งใส เชื่อมั่น และเป็นธรรม ซึ่งเป็น 1 ใน 8 นโยบายสำคัญของผู้อำนวยการสถาบัน เพื่อปลูกฝังค่านิยมให้บุคลากรปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งเป็นการยกระดับการบริการให้กับประชาชนผู้รับบริการอย่างต่อเนื่องต่อไป

นายนิธิวัชร์ ศิริปริยพงศ์ รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนาศักยภาพและเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของบัณฑิตอาสาพัฒนามาตุภูมิ ณ โรงแรม บีพี สมิหลา บีช จังหวัดสงขลา ซึ่งจัดโดย ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พร้อมบรรยายพิเศษ ในหัวข้อ “คุณวุฒิวิชาชีพและการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อการมีงานทำ” โดยได้แนะนำการใช้งาน E-Workforce Ecosystem platform (EWE) , การใช้งานแฟ้มสะสมผลงานอิเล็กทรอนิกส์ (e-Portfolio) ที่สามารถเก็บรวบรวมข้อมูล ประวัติการศึกษา ผลงาน ประสบการณ์การทำงาน การฝึกอบรมต่างๆ มีการแนะนำระบบแนะแนวการศึกษาและการเรียนรู้สู่อาชีพ Learning and Career Guidance หรือ LCG เพื่อแนะแนวนักเรียน นักศึกษา คนทำงาน จากโลกการศึกษา ไปสู่โลกของอาชีพได้อย่างตรงเป้าหมาย ในการประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ยังได้พบปะกลุ่มบัณฑิตอาสาจังหวัดปัตตานีและจังหวัดสงขลาที่ให้ความสนใจและลงทะเบียนเข้าใช้งาน EWE Platform จำนวนกว่า 1,000 คน ทั้งยังบอกด้วยว่าจะแนะนำการใช้งานแพลตฟอร์มนี้ แก่คนอื่นๆ ในพื้นที่ของตนเองต่อไป

“อนุทิน” หนุนสัมมนานานาชาติร่วมถอดบทเรียนประเทศผู้นำด้านดิจิทัล ร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยก้าวสู่ “Future of Jobs” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดงานสัมมนานานาชาติ “Competency Development for Lifelong Learning and Future of Jobs” ณ โรงแรมพูลแมน แบงก์ค็อก คิง พาวเวอร์ ที่สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) จัดขึ้น ระหว่างวันที่ 30-31 กรกฎาคม 2567 โดยมีนายนคร ศิลปอาชา ประธานกรรมการสถาบัน นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ พร้อมคณะผู้บริหารให้การต้อนรับ นายอนุทิน กล่าวว่า ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ และอีก 4 กระทรวงหลัก ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนากำลังคนของประเทศทุกช่วงวัย จึงให้ความสำคัญของการเชื่อมโยงโลกอาชีพและการศึกษา เพราะทุกวันนี้ทั้ง 2 โลกต้องปรับตัวเชื่อมเข้าหากันในการพัฒนาทุนมนุษย์ให้เป็นกำลังคนคุณภาพ การจัดการศึกษาไม่ใช่เพียงแค่ทำให้ผู้เรียนได้มีความรู้ แต่สิ่งสำคัญคือต้องนำไปสู่การมีงานทำ การพัฒนาสมรรถนะใหม่ๆ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคน และภาครัฐก็ต้องเอื้อให้เกิดการรับรองและเชื่อมโยงผลลัพธ์การเรียนรู้และสมรรถนะจากระบบการศึกษา การเรียนออนไลน์ การฝึกอบรมในสถานประกอบการ การทำงาน ที่ต้องสามารถเก็บสะสมสมรรถนะใหม่ ต่อยอดสมรรถนะเก่าได้ รวมถึงมีระบบรับรองและพัฒนาความสามารถที่เฉพาะเจาะจงด้วย Micro-credential ซึ่งจะเป็นตัวช่วยให้คนทำงานได้เลือกพัฒนาทักษะที่จำเป็น สามารถ Reskill และ Upskill เพื่อการเติบโตในหน้าที่การงานและสมรรถนะงานใหม่ๆ เพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลง และ Future of Jobs ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยการเรียนรู้ตลอดชีวิต การพัฒนาคนให้รองรับ Future of Jobs เป็นความท้าทายหนึ่งของประเทศไทย จึงเป็นเรื่องที่ดีที่เราถอดบทเรียนจากนานาประเทศผู้นำด้านการพัฒนากำลังคน กรเรียนรู้ตลอดชีวิต และด้านการพัฒนาสมรรถนะดิจิทัล ที่จะได้แลกเปลี่ยนเตรียมความพร้อมการขับเคลื่อนประเทศด้วยทักษะดิจิทัลรองรับการก้าวสู่ Future of Jobs ต่อไป นายนคร กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ตั้งใจให้เป็นเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากนานาประเทศที่เกี่ยวเนื่องกับการดำเนินงานของสถาบัน ที่นำไปสู่การแสวงหาความร่วมมือและต่อยอดการพัฒนาสมรรถนะเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต สร้างโอกาส และลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ในเรื่องการส่งเสริมทักษะด้านดิจิทัล เนื่องจากการพัฒนากำลังคนและการเรียนรู้ตลอดชีวิตเป็นเรื่องใหญ่ที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันขับเคลื่อน ซึ่งหลังจากการสัมมนาครั้งนี้ สถาบันจะวิเคราะห์ประเด็นความท้าทายและสานต่อความร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิด synergy หรือการทำงานร่วมกันเพื่อผลลัพธ์ที่มี impact มากยิ่งขึ้น ด้าน ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพกล่าวว่า เวลานี้ทักษะด้านดิจิทัลเข้าไปมีบทบาทในทุกสาขาอาชีพ ซึ่งเป็นเครื่องกระตุ้นให้คนไทยต้องตื่นตัว ตั้งรับการทำงานในอนาคต Future of Jobs ที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว การถอดบทเรียนจากประเทศผู้นำทางด้านดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นสาธารณรัฐเกาหลี Qualifications Framework Secretariat (QFS) สังกัดสำนักงานการศึกษา เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน Federal Institute of Vocational Training and Education : BIBB สังกัดกระทรวงศึกษาธิการและวิจัย สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และผู้แทนจาก Pearson สหราชอาณาจักร ที่มาถ่ายทอดประสบการณ์เกี่ยวกับกลไกการสร้างเครื่องมือ สู่การเรียนรู้ตลอดชีวิตด้วยการสะสมผลลัพธ์การเรียนรู้และการพัฒนาสมรรถนะใหม่ๆ โดยเน้นไปที่แนวทางขับเคลื่อน Competency Credit Bank และ Micro-Credential จะช่วยให้ประเทศไทยได้เตรียมความพร้อมเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เรียนและคนทำงานได้นำผลการเรียนรู้และประสบการณ์การทำงานทั้งในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย มารับรองและเทียบโอนกันได้ เพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงในอนาคตด้วย

28 กรกฎาคม 2567 เวลา 08.00 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมีคณะรัฐมนตรี ข้าราชการระดับสูงของทุกส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ รัฐวิสาหกิจ และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียงกัน โดยสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ นำคณะผู้บริหารเข้าร่วมพิธี

สคช.จัดอบรมฝึกอาชีพแก่มวลชนจิตอาสา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ดร.ณฐา จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ลงพื้นที่ ร.ร.เศรษฐเสถียร ในพระราชูปถัมภ์ เขตดุสิต มอบวุฒิบัตรการฝึกอบรมอาชีพบาริสต้าขั้นพื้นฐาน แก่มวลชนจิตอาสาที่สนใจเข้ารับการอบรม จำนวน 39 คนหลักสูตรดังกล่าว เป็นการอบรมขั้นพื้นฐานให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกาแฟ มีการสอนให้รู้จักการชงและปรุงเมนูกาแฟจากเครื่องเอสเพรสโซ่ การสร้างโฟมนมสำหรับปรุงแต่งเครื่องดื่ม และ การทำความสะอาดเครื่องมือและอุปกรณ์การชง กิจกรรมดังกล่าวสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ได้ร่วมกับสมาคมบาริสต้าไทย และสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โอกาสนี้ ได้ให้การต้อนรับ นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะ ที่ได้เดินทางมาเยี่ยมชมการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย

สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) นำโดย นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ พร้อมคณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ จัดพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2567 ณ สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ชั้น 14 อาคารเพิร์ล แบงก์ค็อก เพื่อแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

ดร.ณฐา จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ร่วมประชุมคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ครั้งที่ 7/2567 ณ วิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ โดยมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เป็นประธานการประชุม ซึ่งได้มีการรายงานความคืบหน้าการลงทะเบียนผ่านระบบ OFOS ซึ่งได้มีการเปิดลงทะเบียนนำร่องตั้งแต่ 23 มิ.ย. 2567 ผ่าน 2 ช่องทาง คือ 1. ออนไลน์ผ่านแอพ ทางรัฐ และเว็บไซต์ 2. ลงทะเบียนผ่านกองทุนหมู่บ้าน ซึ่งจนถึงปัจจุบัน มียอดผู้ลงทะเบียน 120,455 ราย นอกจากนี้ยังได้รายงานการจัดทำหลักสูตร OFOS ที่มีหลักสูตรพร้อมเรียนแล้ว 52 หลักสูตร และส่วนใหญ่ผู้ลงทะเบียนสนใจที่ในหลักสูตรของอุตสาหกรรมอาหารมาเป็นอันดับ 1 ตามด้วย อุตสาหกรรมท่องเที่ยว ดนตรี แฟชั่น และกีฬา ตามลำดับ ซึ่งสำนักงาน ป.ย.ป. อยู่ระหว่างพัฒนาหลักสูตรและเชื่อมโยงระบบกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในแต่ละอุตสาหกรรมใหเครอบคลุมในทุกๆอาชีพตามความต้องการของผู้ลงทะเบียน ขณะเดียวกันได้มีวาระพิจารณาความคืบหน้าการเสนอร่าง พ.ร.บ. THACCA พ.ศ. .... ซึ่งได้มีการประชุมรับฟังความคิดเห็นเมื่อ 24 เม.ย. 2567 และได้ดำเนินการปรับปรุงร่าง พ.ร.บ. THACCA#2 ที่ประชุมได้ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) ร่วมกันพิจารณาให้ครอบคลุมทุกมิติ เพื่อเสนอต่อ ครม. ต่อไป นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้สรุปผลการจัดงาน THACCA SPLASH งานฟอรัมด้านซอฟต์พาวเวอร์ครั้งแรกของประเทศไทย ที่จัดขึ้นไปแล้วเมื่อ วันที่ 28 – 30 มิ.ย. 67 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ที่ได้รับการตอบรับจากกลุ่มอุตสาหกรรมทั้ง 11 สาขา ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศเป็นอย่างมาก โดยนางสาวแพทองธาร ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ได้กล่าวขอบคุณคณะอนุกรรมการทั้ง 11 สาขา ที่ร่วมกันจัดงาน

สคช.ระดมความเห็นร่วมภาคการศึกษาพัฒนาการประยุกต์ใช้ธนาคารหน่วยกิตแห่งชาติ และทดลองใช้ระบบระบบสะสมสมรรถนะการเรียนรู้ Competency Credit Bank นายนิธิวัชร์ ศิริปริยพงศ์ รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เปิดการอบรมการใช้งานระบบสะสมสมรรถนะการเรียนรู้ (Competency Credit Bank) ภายใต้ระบบ E-Workforce Ecosystem เพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต ณ โรงแรมเซ็นจูรี่ พาร์ค ซึ่งผู้เข้าการอบรมเป็นผู้แทนจากภาคการศึกษาจาก วิทยาลัยเทคนิค อาชีวศึกษา ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ที่จัดทำหลักสูตรการเรียนการสอนโดยยึดโยงสอดคล้องกับมาตรฐานอาชีพของสถาบัน ในการอบรมครั้งนี้ ยังมีการอภิปรายเกี่ยวกับแนวคิด หลักการ และการประยุกต์ใช้ธนาคารหน่วยกิตแห่งชาติ (National Credit Bank) โดย มี ดร.ดวงทิพย์ วิบูลย์ศักดิ์ชัย ผู้อำนวยการกลุ่มนโยบายและยุทธศาสตร์การศึกษาเฉพาะด้านสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ, นางสาวจันทร์สุดา นกน้อย นักวิชาการศึกษาชำนาญการพิเศษ ผู้แทนกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม, ผศ.ดร.ภาณุทัต บุญประมุข รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนาการศึกษาและการเรียนรู้ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และ นางสาวพรภัทรา ฉิมพลอย ผู้อำนวยการสำนักขับเคลื่อนภารกิจพิเศษ สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ร่วมในการอภิปราย โดยมีนางสาวบุษกร เสนีย์โยธิน เป็นผู้ดำเนินการอภิปราย นอกจากนี้ สถาบันยังได้มีการนำเสนอให้ผู้เข้ารับการอบรมได้ทดลองใช้งานระบบสะสมสมรรถนะการเรียนรู้ (Competency Credit Bank) ภายใต้ระบบ E-Workforce Ecosystem เพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต คือการสั่งสมสมรรถนะที่เกิดจากการเรียนรู้การฝึกอบรม และการทำงานเพื่อเชื่อมโยงโลกของการทำงานและการเรียนรู้เข้าด้วยกัน โดยจะเก็บเป็นหน่วยสรรถนะ เข้าระบบ Competency Credit Bank ซึ่งในอนาคตหากมีสถาบันการศึกษายอมรับกันได้ในหน่วยสมรรถนะนี้ ก็จะนำไปสู่การลดระยะเวลาเรียนในภาคการศึกษาลงได้

สคช. หนุนแรงงานฝีมือ สร้างสรรค์ผลงานอัญมณีและเครื่องประดับให้เป็นที่ยอมรับมาตรฐานระดับสากล ดร.ณฐา จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เข้าร่วมการประชุมประชาพิจารณ์รับฟังข้อคิดเห็นต่อร่างมาตรฐานโลหะมีค่า จำนวน 2 ขอบข่าย คือ มาตรฐานการวิเคราะห์หาปริมาณทองคำ(Au) ความบริสุทธิ์สูง-วิธีหาผลต่างโดยเทคนิคไอซีพีโออีเอส (ICP-OES) และ มาตรฐานการวิเคราะห์ปริมาณทองคำ (Au) ในเครื่องประดับทองคำโดยใช้วิธีคิวเพลเลชัน (ไฟร์แอสเซย์) และมาตรฐานด้านข้อมูลและสารสนเทศสำหรับเครื่องประดับโลหะมีค่า จำนวน 1 ขอบข่าย คือ มาตรฐานเมตาดาตาสำหรับข้อมูลเครื่องประดีบไทย เล่ม1- อัตลักษณ์เครื่องประดับไทย ของสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ จีไอที ณ โรงแรมเดอะสุโกศล โดยมี นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ เป็นประธาน และนายทนง ลีลาวัฒนสุข รองผู้อำนวยการสถาบัน กล่าวถึงการจัดทำ GIT STANDARD ทั้งนี้ สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) เป็นหน่วยงานที่สนับสนุน ส่งเสริมให้มีการจัดทำมาตรฐานอาชีพ ในสาขาวิชาชีพอัญมณี เครื่องประดับ และโลหะมีค่า ซึ่งเป็นธุรกิจที่ต้องการคนที่มีความเชี่ยวชาญ มีมาตรฐานฝีมือ การให้การรับรองฝีมือของคนทำงานด้านอัญมณีและเครื่องประดับที่มีมาตรฐาน จึงเป็นกลยุทธ์สำคัญ ที่จะสร้างความเชื่อมั่นและยกระดับผู้ประกอบการไทยให้เป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและระดับสากล

สคช. หนุนสถานประกอบการด้านการผลิตและแปรรูปอาหาร รับรองคุณวุฒิคนทำงานการันตีเทียบเท่ามาตรฐานสากล นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ พร้อมคณะ เข้าพบหารือกับคุณภาวินท์ สิงหละชาติ Assistant Director บริษัท เอ็ม เอ็ม พี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เพื่อเสนอแนวทางความร่วมมือในการพัฒนาบุคลากรด้วยการรับรองประสบการณ์การทำงานให้ได้รับคุณวุฒิวิชาชีพในระดับต่างๆ ที่สอดคล้องกับทักษะความชำนาญในอาชีพและมีความสอดคล้องกับมาตรฐานอาชีพ ในสาขาวิชาชีพการผลิตอาหารและเครื่องดื่ม สาขาการแปรรูปสัตว์น้ำ อาชีพผู้ปฏิบัติงานผลิต (การผลิตผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท), อาชีพผู้ปฏิบัติงานควบคุมและประกันคุณภาพ (การผลิตผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท และสมรรถนะสนับสนุนการทำงานการบริหารงานในสายการผลิต นางสาวจุลลดา กล่าวว่า สถาบันให้ความสำคัญในเรื่องทักษะที่เกิดขึ้นจากการสะสมประสบการณ์การทำงาน ว่าแต่ละคนย่อมมีทักษะในการทำงานนั้นๆ อยู่แล้ว จึงมุ่งหวังที่จะสนับสนุนให้เกิดกระบวนการรับรองประสบการณ์ ทักษะ ความรู้ ความสามารถดังกล่าว โดยมีผู้เชี่ยวชาญในอาชีพให้การรับรอง ทั้งนี้ เพื่อให้ทุกคนได้มีจุดยืนในอาชีพของตนเอง นอกจากนี้สถานประกอบการนั้นๆ ยังสามารถนำข้อมูลไปวางแผนการพัฒนาบุคลากรในระดับต่างๆ ได้อีกด้วย บริษัท เอ็ม เอ็ม พี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เป็นบริษัทที่ดำเนินงานด้านการผลิตอาหาร และอาหารสัตว์เลี้ยง ส่งออกทั้งในสหรัฐอเมริกา แคนาดา ในยุโรป สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และประเทศอื่นๆ มากกว่า 20 ปี รวมถึงผลิตสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงในประเทศไทยด้วย

"อนุทิน" ประธาน MOU 3 หน่วยงาน ส่งเสริม พัฒนาศักยภาพนักเรียน นักศึกษาและกำลังคนทุกช่วงวัย สร้างกำลังคนสมรรถนะสูงขับเคลื่อนประเทศ วันนี้ (18 กรกฎาคม 2567) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือ การส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพนักเรียน นักศึกษาและกำลังคนทุกช่วงวัย ระหว่าง กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) และ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ในการนี้ พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ร่วมเป็นสักขีพยาน และมีนายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา นางสาวบุปผา เรืองสุด อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และนางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ร่วมลงนาม และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงศึกษาธิการ ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน และผู้บริหารสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ร่วมพิธี ณ ห้องประชุมราชวัลลภ ชั้น 2 อาคารราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ นายอนุทิน เปิดเผยว่า ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่กำกับดูแล 4 กระทรวงหลัก ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนากำลังคนของประเทศทั้งระบบในทุกช่วงวัย ประกอบกับนโยบายของรัฐบาลเน้นการสร้างโอกาสและความก้าวหน้าในเส้นทางอาชีพส่งเสริมการพัฒนาสมรรถนะให้กับนักเรียน นักศึกษา และกำลังคนทุกช่วงวัยผ่านการพัฒนาทักษะอาชีพ การฝึกอบรม ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน ส่งเสริมการสะสมประสบการณ์ทางอาชีพทั้งในระหว่างเรียนและการทำงานเพื่อให้เป็นกำลังคนสมรรถนะสูง ทำให้เกิดความร่วมมือกันของทั้ง 3 ฝ่าย ระหว่าง สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) เพื่อบูรณาการส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพนักเรียน นักศึกษา และกำลังคนทุกช่วงวัยในวันนี้ เป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์และยกระดับกำลังแรงงานของประเทศในทุกมิติ พลตำรวจเอก เพิ่มพูน กล่าวในนามกระทรวงศึกษาธิการ ผมรู้สึกเป็นเกียรติและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับทุกท่าน รวมทั้งนำนโยบายของรัฐบาลมาขับเคลื่อน เพื่อร่วมกันยกระดับคุณภาพการศึกษาเต็มกำลังความสามารถอย่างเป็นกัลยาณมิตรที่ดีต่อกัน จึงได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือ ระหว่างกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ มีเป้าหมายร่วมกัน ในการขับเคลื่อนการจัดการศึกษาอาชีวศึกษา เพื่อพัฒนาสมรรถนะกำลังคนระดับเทคนิค มุ่งเน้นการผลิตและพัฒนากำลังคน ในสาขาที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน และสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ที่มีเป้าหมายการศึกษาเพื่อความมั่นคงของชีวิต เน้นมีรายได้ระหว่างเรียน จบแล้วมีงานทำ (Learn to Earn) ธนาคารหน่วยกิต (Credit Bank) ระดับอาชีวศึกษา ทำให้ผู้เรียนมีสมรรถนะ เป็นไปตามมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ รองรับวิสัยทัศน์การพัฒนาประเทศ (IGNITE THAILAND) จุดพลัง รวมใจ ไทยต้องเป็นหนึ่ง “ยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก” นายพิพัฒน์ กล่าวว่า รัฐบาลและกระทรวงแรงงานมีนโยบายส่งเสริมความร่วมมือในการผลิตกำลังคนในภาคการศึกษา และภาคแรงงาน Up - Skill for More Earn เพื่อการมีงานทำรองรับเศรษฐกิจใหม่ รวมทั้งพัฒนาประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยกำลังแรงงานรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีทั้งระบบ ซึ่งการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ ถือว่า มีเป้าหมายและกลไกในการบูรณาการภารกิจร่วมกันของทั้งสามหน่วยงาน จะร่วมกันพัฒนาศักยภาพกำลังคนให้ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน ทันต่ออุตสาหกรรม และเทคโนโลยีในอนาคต สนับสนุนให้มีจัดตั้งศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน และศูนย์ประเมินความรู้ความสามารถ สนับสนุนการแข่งขันฝีมือแรงงานแห่งชาติไปจนถึงระดับนานาชาติ การเทียบโอนหน่วยกิตเข้าสู่ระบบธนาคารหน่วยกิต (Credit Bank) เพื่อแรงงานจะได้วุฒิการศึกษาที่สูงขึ้น รวมทั้งสนับสนุนการเชื่อมโยงข้อมูลภายใต้แพลตฟอร์มอัจฉริยะในการบริหารจัดการข้อมูลด้านกำลังคน และการพัฒนาสมรรถนะเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตของประเทศไทย (E-Workforce Ecosystem : EWE) เพื่อใช้ในการผลิตและพัฒนากำลังคนให้ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน โดยความร่วมมือในครั้งนี้ จะนำมาซึ่งเป้าหมายและกลไกในการบูรณาการภารกิจร่วมกัน เพื่อพัฒนาศักยภาพนักเรียน นักศึกษา และกำลังกำลังคนทุกช่วงวัย ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน ทันต่ออุตสาหกรรมและเทคโนโลยีในอนาคต และสร้างความก้าวหน้าในเส้นทางอาชีพ และจัดตั้งศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ศูนย์ประเมินความรู้ความสามารถ การแข่งขันฝีมือแรงงานแห่งชาติไปจนถึงระดับนานาชาติ และการเทียบโอนหน่วยกิตเข้าสู่ระบบธนาคารหน่วยกิต (Credit Bank) เพื่อให้แรงงานได้วุฒิการศึกษาที่สูงขึ้น มีงานทำ มีรายได้ที่สูงขึ้น และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จะนำมาซึ่งความเจริญก้าวหน้า และประโยชน์อย่างยิ่งต่อประเทศชาติต่อไป

สคช. ชวน อบจ.สุพรรณ ดูแลสุขภาพตัวเองอย่างมืออาชีพส่งต่อถึงชาวชุมชนเมืองขุนแผน นางสาวณฐา จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ร่วมเปิดกิจกรรมและต้อนรับผู้เข้าร่วมกิจกรรมการอบรม หลักสูตร “ผู้นำออกกำลังกายเพื่อสุขภาพชุมชน” โดยมี นายบุญชู จันทร์สุวรรณ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุพรรณบุรี กล่าวเปิดกิจกรรมการอบรม ณ สำนักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุพรรณบุรี นางสาวณฐา กล่าวถึงความสำคัญของบุคลากรโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม) ว่าเป็นคนที่เข้าถึงกลุ่มคนในชุมชนมากที่สุด รวมถึงต้องดูแลและเฝ้าระวังสุขภาพของคนชุมชน ทำให้ต้องพัฒนาตนเองอยู่เสมอ และ สคช.พร้อมให้ความร่วมมือในการต่อยอดเติมเต็มในพื้นที่สำหรับการพัฒนาศักยภาพคนด้านอื่น ๆ ต่อไปในอนาคตอีกด้วย ซึ่งการอบรมครั้งนี้จะเป็นการเพิ่มทักษะความรู้ ไม่ว่าจะเป็นการนำการออกกำลังกาย หรือการปฐมพยาบาลและการกู้ชีพ ที่สามารถนำไปปฏิบัติใช้กับคนในชุมชนได้จริง สุดท้ายผู้ผ่านการอบรมจะได้รับประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพและหนังสือรับรองสมรรถนะ สาขาวิชาชีพการกีฬา สาขาการให้บริการทางด้านการกีฬา อาชีพผู้ปฏิบัติงานด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาและการออกกำลังกาย ระดับ 3

สคช. ร่วมยินดี NBT ครบรอบ 36 ปี นางสาววรชนาธิป จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ร่วมแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนา ครบรอบปีที่ 36 สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ณ อาคารศูนย์ปฏิบัติการแพร่ภาพออกอากาศ การกระจายเสียงวิทยุและการให้บริการข้อมูลข่าวสารภาครัฐ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ พร้อมคณะ, น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เดินทางเข้าร่วมแสดงความยินดี โดย น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกฯ รวมถึงอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และผู้บริหารกรมประชาสัมพันธ์ ให้การต้อนรับ นายเศรษฐา กล่าวย้ำ ขอให้ภาครัฐช่วยกันพยายามกำกับดูแลการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร เนื่องจากต้องยอมรับว่ายุคปัจจุบันการเผยแพร่กระจายข่าวมีความหลากหลาย กระจายเร็วซึ่งหลายเรื่องไม่ใช่เรื่องจริง ซึ่งเป็นเรื่องน่าเป็นห่วง เพราะการบังคับใช้กฎหมายที่มีระเบียบวินัยจะทำได้อย่างรอบคอบต้องใช้เวลาพอสมควร ขณะที่ภาครัฐเองพยายามเดินหน้านโยบาย Soft Power และการเปลี่ยนโครงสร้างอุตสาหกรรมของประเทศผ่านโครงการ IGNITE THAILAND ซึ่งมีหลายนโยบาย และปัจจุบันพยายามดำเนินการให้ลุล่วงโดยเร็ว ซึ่งจะยกขีดความสามารถการแข่งขันของ คนไทยทุกชุมชนทุกครอบครัวที่เราจะได้รับประโยชน์ ไม่ใช่กระจุกตัวแค่เมืองใหญ่ ซึ่งการขับเคลื่อนให้เห็นผล ทุกหน่วยงานต้องช่วยกัน เพื่อต่อยอดสร้างประโยชน์ รวมถึงช่วยกันสื่อสารนโยบาย โดยหาข้อมูลตัวอย่างจากทั้งในและนอกประเทศ นำมาวิเคราะห์ และทำเนื้อหาออกมาเพื่อสื่อสารกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง