นายนิธิวัชร์ ศิริปริยพงศ์ รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมและยกระดับการนวดไทย ครั้งที่ 2/2568 กับ นายโฆสิต สุวินิจจิต ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก นายไทย์ธน รุ่งเรือง คณะทำงานรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ผู้แทนประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประธานสมาพันธ์หมอนวดไทย นายกสภาการแพทย์แผนไทย และข้าราชการกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ณ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข โดยที่ประชุมมีมติเรื่องความก้าวหน้าแผนการจัดอบรมหลักสูตรนวดไทยเพื่อสุขภาพ และการอบรมหลักสูตรความชำนาญ เป้าหมาย 50,000 คน ทั่วประเทศในปีงบประมาณ 2568 ไตรมาส 2 ผ่านการสนับสนุนจาก เงินกองทุนภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย โดยจับคู่เอกชน คัดสรรหมอนวดที่มีคุณสมบัติมาต่อยอดพัฒนาทักษะ ความรู้ ความสามารถเพิ่มเติมความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน 7 กลุ่มอาการ ในหลักสูตรจะรวมทักษะภาษา วัฒนธรรมและอนาโตมี่ และผู้ประกอบการที่จะจ้างงานเมื่อผ่านอบรม เพื่อรองรับภาวะขาดแรงงานในร้านนวดไทยที่ต้องการผู้นวดเพื่อสุขภาพ และผู้นวดเพื่อรักษา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในภูมิปัญญา และอัตลักษณ์ของไทยที่เป็นมาตรฐาน รวมถึงผู้ผ่านการอบรมสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้น หน่วยงานภาครัฐมีการขึ้นทะเบียนผู้นวดประจำร้าน โดยนำร่องใช้หน่วยฝึกอบรมกับหน่วยงานภาครัฐ เช่น กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กรมการพัฒนาฝีมือแรงงาน เครือข่ายสภาการแพทย์แผนไทย และเอกชนในลำดับต่อไป ทั้งนี้ รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ได้นำเสนอตัวอย่างการประชาสัมพันธ์ให้คนสนใจโครงการนี้จากต้นแบบ นโยบาย OFOS (One Family One Soft Power) ซึ่งในที่ประชุมสนใจนำไปเป็นแนวทางประชาสัมพันธ์หลักสูตรต่อไป

นายกฯ มอบนโยบายหน่วยงานของรัฐ ใช้จ่ายงบประมาณปี 69 ต้องตอบโจทย์การพัฒนาประเทศในศตวรรษที่ 21 ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับคนไทยและประเทศ นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ พร้อมคณะเข้าร่วมประชุมสัมมนาการมอบนโยบายและแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 โดยมี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิด และได้มอบนโยบายแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 เพื่อให้หัวหน้าส่วนราชการทั้งส่วนกลางและภูมิภาค รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบนโยบายหลักเกณฑ์และแนวทางในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ตามนโยบายรัฐบาล เพื่อนำไปปฏิบัติ ให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศชาติ ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี

นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ นำคณะผู้บริหารเข้าพบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะกำกับดูแลสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) เพื่อสวัสดีปีใหม่ เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2568 พร้อมรับนโยบายในการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2568 ณ กระทรวงมหาดไทย

สคช. คว้า 2 รางวัล DG Awards 2024 ในฐานะเป็นหน่วยงานคุณภาพด้านการเปิดเผยข้อมูล และหน่วยงานคุณภาพด้านบุคลากรดิจิทัล นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ และนายนิธิวัชร์ ศิริปริยพงศ์ รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เข้ารับรางวัลรัฐบาลดิจิทัล ประจำปี 2567 “DG Awards 2024” จากนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะเป็นหน่วยงานคุณภาพด้านการเปิดเผยข้อมูลเปิดภาครัฐ และการแลกเปลี่ยนข้อมูล (Open data & Sharable Data) สำหรับหน่วยงานระดับกรม จำนวน 1 รางวัล โดยสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ได้รับการพิจารณาจาก 2 ด้าน ในส่วนของการเปิดเผยข้อมูลเปิดภาครัฐ ร้อยละ 50 ประกอบด้วย การเปิดเผยรายชื่อชุดข้อมูลในรูปแบบข้อมูลเปิดภาครัฐที่เป็นดิจิทัลต่อสาธารณะ สัดส่วนของข้อมูลที่เปิดเผยเป็นข้อมูล Structured Data ทั้งหมด และข้อมูล Structured Data ที่อยู่ในรูปแบบ Machine-readable ครบทุกชุดตามข้อกำหนดของ สพร. และด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูล (Sharable Data) ร้อยละ 50 ประกอบด้วย หน่วยงานมีชุดข้อมูลสำหรับ การเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลได้ และหน่วยงานอื่นสามารถเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลได้ (Sharable Data) หน่วยงานมีช่องทางการเผยแพร่ชุดข้อมูลในช่องทางต่าง ๆ เช่น Linkage Center, GDX, NSW, DXC และ ช่องทางอื่น ๆ หน่วยงานมีการรวบรวมสถิติจำนวนชุดข้อมูลที่ให้หน่วยงานอื่นเชื่อมโยงข้อมูล (Sharable Data) และรายละเอียดการนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์(Usage Statistics) และสัดส่วนของชุดข้อมูลที่ให้หน่วยงานอื่น แลกเปลี่ยนเชื่อมโยงข้อมูลได้ (Sharable Data) นอกจากนี้สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ยังได้รับรางวัลหน่วยงานคุณภาพด้านบุคลากรดิจิทัล อีก 1 รางวัล ซึ่งเป็นการพิจารณาจากผลการประเมินตนเองของบุคลากรผ่านเว็บไซต์ การประเมินทักษะด้านดิจิทัลสำหรับข้าราชการและบุคลากรภาครัฐ (Digital Government) dg-sa.tpqi.go.th โดยการหาค่าเฉลี่ยของหน่วยงานที่สูงที่สุด 5 ลำดับแรก ประกอบกับการพิจารณาสัดส่วนจำนวนของบุคลากร ในการทำแบบประเมิน นายประเสริฐ กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญในการเป็นรัฐบาลดิจิทัลมาอย่างต่อเนื่อง มีเป้าหมายในการสนับสนุนส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐเกิดความคล่องตัวในการทำงาน ลดค่าใช้จ่าย และประหยัดเวลา ภาคเอกชน สามารถช่วยทำธุรกิจได้สะดวก ง่ายขึ้นจากการรับบริการจากภาครัฐ ขณะที่ภาคประชาชนจะได้รับความสะดวก ลดขั้นตอนการรับบริการ ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง สามารถใช้บริการแบบเบ็ดเสร็จได้ ทุกหน่วยงานที่ได้รับรางวัลจึงเป็นต้นแบบสำคัญในการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี มีการเปิดเผยข้อมูล บริการโปร่งใส ตรวจสอบได้ มีการกระจายอำนาจการทำงาน ซึ่งเป็นการปฏิรูประบบราชการขับเคลื่อนสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลได้อย่างสมบูรณ์

นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เข้าร่วมเป็นวิทยากรบรรยายในหัวข้อ "The Occupational Standards that focus on Green Skills" ในระหว่างการประชุมเชิงปฏิบัติการ "Final Roadmap and Micro-credentials" ซึ่งจัดโดยสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ร่วมกับองค์การยูเนสโก สำนักงานกรุงเทพฯและ UNESCO-UNEVOC เพื่อเป็นทบทวนและสรุปแผนงาน (Roadmap) แนวทางการพัฒนาแรงงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย รวมทั้งวิเคราะห์และจัดทำชุดการเรียนรู้ในการพัฒนาระบบรับรองและพัฒนาความสามารถที่เฉพาะเจาะจง (Micro-credentials) ที่เน้นทักษะสีเขียว

สคช. จับมือ เคที เรสทัวรองท์ การันตีมืออาชีพครั้งแรก ให้กับพนักงานแบรนด์ ซานตาเฟ่ สเต็ก และเหม็ง แซ็บนัว ให้ได้รับการรับรองความรู้ ประสบการณ์ที่สอดคล้องกับมาตรฐานอาชีพในกลุ่มธุรกิจอาหาร หนุนให้มีความเติบโตในสายงาน แม้ไม่มีดีกรีทางการศึกษาก็พัฒนาได้ นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ มอบประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพและหนังสือรับรองสมรรถนะ ให้กับพนักงานในเครือ บริษัท เคที เรสทัวรองท์ จำกัด ซึ่งประกอบด้วย แบรนด์ ที่ผ่านการฝึกอบรมในหลักสูตรที่สอดคล้องกับมาตรฐานอาชีพ สาขาการท่องเที่ยว การโรงแรม ภัตตาคารและร้านอาหาร อาชีพผู้ช่วยจัดการร้าน ระดับ 4 และผู้ประกอบอาหารในร้านอาหาร ระดับ 4 จำนวน 34 คน ซึ่งหลักสูตรการฝึกอบรมดังกล่าว นายสมบัติ หงส์ไพฑูรย์ CEO เคที เรสทัวรองท์ พร้อมทีมบริหาร ได้เห็นความสำคัญของการพัฒนาทรัพยากรบุคคลที่อยู่ในธุรกิจอาหาร และได้เห็นตัวอย่างที่ดำเนินการพัฒนาบุคลากรในลักษณะนี้ จาก บ.ฟู้ด แฟคเตอร์ จก. ในเครือสิงห์ คอร์เปอเรชั่น ที่ได้ร่วมงานกับสถาบันมาก่อนหน้านี้ จึงมีความต้องการที่จะขยายความร่วมมือกับสถาบันในการนำมาพัฒนาหลักสูตรในการพัฒนาพนักงานให้มีมาตรฐาน อาทิ ด้านการบริการ และFood Safety ดังนั้น การมอบประกาศนียบัตรแก่พนักงานในวันนี้ จึงเป็นเครื่องหมายรับรองถึงความสามารถที่ได้มาตรฐานและเป็นความสำเร็จของการนำมาตรฐานอาชีพมาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาบุคลากร ไม่เฉพาะการเพิ่มศักยภาพบุคลากรให้ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจอาหาร แต่ยังเกิดประโยชน์ต่อคุณภาพของบุคลากรในประเทศอีกด้วย ด้านนางสาวจุลลดา กล่าวว่า สคช.ยังคงมุ่งมั่นที่จะขยายความร่วมมือในการนำมาตรฐานอาชีพส่งต่อไปยังอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่เพียงเฉพาะแต่ธุรกิจอาหาร เพื่อให้เกิดการพัฒนาบุคลากรในอาชีพต่างๆ ให้มีโอกาสได้รับการรับรองความรู้ ความสามารถและทักษะประสบการณ์ ที่เปรียบเสมือนดีกรีทางอาชีพที่แต่ละคนได้สั่งสมประสบการณ์มา และในอนาคตยังจะสามารถนำดีกรีทางอาชีพ กลับมาเทียบเข้าสู่ดีกรีทางการศึกษาได้อีกด้วย

นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เข้าพบ พลตำรวจตรีสุรินทร์ ปาลาเร่ เลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และคณะ เพื่อหารือแนวทางการดำเนินโครงการยกระดับบุคลากรสู่อาชีพตามศักยภาพพื้นที่ชายแดนใต้ด้วยคุณวุฒิวิชาชีพ โดยสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ได้จัดทำมาตรฐานอาชีพสาขาวิชาชีพการท่องเที่ยว การโรงแรม ภัตตาคารและร้านอาหาร อาชีพผู้ประกอบอาหารฮาลาล ซึ่งเป็นอาชีพเป้าหมายที่หวังให้เกิดการยกระดับบุคลากรในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลาประกอบด้วย อ.จะนะ, อ.เทพา, อ.นาทวี และ อ.สะบ้าย้อย โดยกลุ่มเป้าหมายจะเน้นกลุ่มผู้ประกอบการอาหารฮาลาลและอาชีพอื่นๆ ที่สอดคล้องกับการพัฒนาพื้นที่ ให้สามารถต่อยอดองค์ความรู้ในการประกอบอาชีพ จำนวน 500 คน มีแผนดำเนินการรุ่นแรก ในอาชีพผู้ประกอบอาหารฮาลาล ระดับ 4 จำนวน 80 คน ในพื้นที่ อ.จะนะ จ.สงขลา อย่างไรก็ตาม เลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ยังได้เสนอให้สถาบันร่วมพัฒนาบุคลากรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในอาชีพที่มีความต้องการสูง อาทิ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย, ผู้ควบคุมมาตรฐานในโรงงานฮาลาลจำนวนกว่า 300 คน และยังมีแผนที่จะขยายการยกระดับอาชีพให้กับกลุ่มนักศึกษาจบใหม่ที่ต้องการทำงานในโรงงานที่เป็นฮาลาลทั้งในและต่างประเทศ, อาชีพนวดแผนโบราณฮาลาล ซึ่งเชื่อมั่นว่าเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ประกอบอาชีพได้มากยิ่งขึ้น

นายกฯ หนุนเชฟไทยทูตวัฒนธรรมเผยแพร่อาหารไทย ด้าน สคช. ร่วมอีก 7 หน่วยงานขับเคลื่อนโครงการหนึ่งหมู่บ้านหนึ่งเชฟอาหารไทย นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการบูรณาการโครงการหนึ่งหมู่บ้านหนึ่งเชฟอาหารไทย เพื่อผลักดันซอฟต์พาวเวอร์อาหารไทยให้ก้าวไกลสู่ระดับโลก โดยเฉพาะในด้านการสร้างมาตรฐานคุณภาพอาหาร การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการสนับสนุนการส่งออกสินค้าอาหารไทย ร่วมกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กรมอนามัย กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) โดยมีดร.ณฐา จันทนู รองผู้อำนวยการ สคช. ร่วมลงนามในฐานะพยานฝ่าย สคช. พร้อมเข้าร่วมในพิธีเปิดโครงการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์สาขาอาหาร ซึ่งนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี มีนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ประธานคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และคณะอนุกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ด้านอาหาร ร่วมในงาน นางสาวแพทองธาร ได้ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “Soft Power Food” กับการพัฒนาประเทศไทย ย้ำว่าอาหารไทยเป็นที่รู้จักกันดีของคนทั่วโลก และถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการยกระดับอุตสาหกรรมอาหารให้มีหลักเกณฑ์ ให้คนไทยทุกคนทุกหมู่บ้านสามารถพัฒนาตัวเองได้ จากโครงการ 1 หมู่บ้าน 1 เชฟอาหารไทย เมื่อเข้าหลักสูตรในโครงการนี้จบแล้วจะเป็นเชฟมืออาชีพสามารถสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้กับตัวเอง ได้ใบรับรองยืนยันความสามารถ และยกระดับอาชีพของตัวเองไปอีกขั้นหนึ่ง สามารถไปทำงานในต่างประเทศได้เป็นทูตวัฒนธรรมเผยแพร่อาหารไทยไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก ขณะเดียวกันจะได้มีการพัฒนาเรื่องการส่งออกอาหารไทย ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบ พืชผลทางการเกษตร ที่จะต้องมีการพัฒนาเรื่องเทคโนโลยีด้วยไม่ว่าจะเป็นการแช่แข็ง การถนอมอาหาร เพื่อให้วัตถุดิบหรือเครื่องปรุงอยู่ได้นานแต่คงรสชาติไว้เหมือนเดิม ซึ่งจะเป็นการพัฒนาทั้งคนทั้งอุตสาหกรรม พัฒนาเกษตรกรไปจนถึงภาคอุตสาหกรรมด้วย และนี่จะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางหรือเป็นครัวของโลก และพร้อมจะเป็นความมั่นคงทางอาหารให้ทั่วโลก ด้านนายสุรพงษ์ ระบุว่า โครงการ 1 หมู่บ้าน 1 เชฟอาหารไทย เป็น 1 ในนโยบายเรือธงของรัฐบาล ที่จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำ ทำให้ประเทศไทยพ้นกับดักรายได้ปานกลาง ปัจจุบันได้ดำเนินการจัดอบรมให้กับผู้ลงทะเบียนไปแล้วในปี 2567 จำนวน 1,300 ราย และจะจัดอบรมต่อเนื่องไปยัง 70,000 หมู่บ้าน ทำให้คนไทยมีทักษะ สร้างรายได้ มีโอกาสไปทำงานในต่างประเทศโดยมุ่งหวังว่าร้านอาหารไทยจะเพิ่มขึ้นทั่วโลกมากกว่า 1 แสนร้าน รองรับเชฟอาหารไทยที่จะช่วยเผยแพร่อาหารไทยรสชาติไทยแท้ และดึงรายได้จากคนต่างชาติกลับเข้าสู่ประเทศไทยได้อย่างต่อเนื่องด้วย

นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ พร้อมคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับ Dr.Ugyen Tshewang, DIRECTOR Bhutan Qualification & Professional Certification Authority (BQPCA), Ministry of Education & Skills Development (MOESD), Royal Govt of Bhutan Thimphu พร้อมทีมจาก Higher Education Quality Council (HEQC) จำนวน 5 คน เพื่อเรียนรู้แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดของ สคช.เกี่ยวกับการรับรองคุณวุฒิวิชาชีพ, กรอบคุณวุฒิวิชาชีพ และการประกันคุณภาพ โดยระบุว่าสคช.เป็นตัวอย่างที่ดีของหน่วยงานที่ดำเนินการเกี่ยวกับให้การรับรองความรู้ ความสามารถของบุคคล ที่มีกรอบการทำงานอย่างเป็นระบบ และยังมีแนวทางที่ภูฎานจะสามารถนำไปปรับใช้เพื่อพัฒนาคนในประเทศ รวมทั้งยังมีความสนใจเกี่ยวกับระบบการพัฒนาคนที่ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย และการการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Life Long Learning) อย่างไรก็ตาม ในอนาคตภูฎานเตรียมที่จะทำความร่วมมือกับ สคช. ในเรื่องการพัฒนาระบบการรับรองบุคคลากรตามมาตรฐานอาชีพ เพื่อให้สามารถแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในการพัฒนามาตรฐานอาชีพระหว่างกันต่อไป

ดร.ณฐา จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ขึ้นรับรางวัลผู้นำ-นำการเปลี่ยนแปลงต้นแบบสัมมาชีพ ในงาน 15 ปี สัมมาชีพ สานพลังไทย สร้างสัมมาชีพเต็มพื้นที่ ซึ่งเป็นรางวัลที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำที่ตระหนักในการเปลี่ยนแนวคิด พฤติกรรม และขยายผลสู่เครือข่ายความร่วมมือด้านความรับผิดชอบต่อสังคม ในงานยังได้มีการเสวนาสำคัญประเด็น ทิศทางชุมชน ทิศทางประเทศไทย โดย 3 อดีตรัฐมนตรี ดร.อุตตม สาวนายน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะกรรมการที่ปรึกษามูลนิธิสัมมาชีพ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กรรมการที่ปรึกษามูลนิธิสัมมาชีพ และนายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยชี้ให้เห็นว่า การจะพัฒนาชุมชนอย่างแท้จริงได้ ต้องกระจายการเติบโตออกไป ไม่ใช่การกระจุกตัว หรือมีจุดศูนย์กลางอยู่ในพื้นที่เมืองอย่างกรุงเทพมหานครเท่านั้น แต่ในทุกพื้นที่สามารถเติบโตได้ด้วยตัวเอง และนี่จะเป็นการทำให้ลดความเหลื่อมล้ำในการพัฒนาชุมชนอย่างแท้จริง ขณะเดียวกันยังฝากถึงผู้นำ-นำการเปลี่ยนแปลงต้นแบบสัมมาชีพทุกคน ให้ร่วมกันต่อยอดการเป็นต้นแบบ เชื่อมโยงความเป็นสัมมาชีพกับองค์กรอื่นๆ โดยมุ่งความสำเร็จในการพัฒนาชุมชนด้วย

นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ พร้อมด้วยนายพิริยพงศ์ แจ้งเจนเวทย์ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมสถานประกอบการและการอบรมด้วยระบบคุณวุฒิวิชาชีพ ให้การต้อนรับนาย Ha Nguyen ผู้แทนจากจังหวัดซัสแคตเชวัน ประเทศแคนาดา ประจำสำนักงานเวียดนาม และนายจิรเมธ ไชยพงศ์พาณิช ที่ปรึกษาด้านความร่วมมือระหว่างไทย-ซัสแคตเชวัน ในโอกาสที่เข้าพบหารือแนวทางและโอกาสในการผลักดันให้มีการเคลื่อนย้ายแรงงานระหว่างประเทศไทยไปยังแคนาดา โดยนาย Ha Nguyen กล่าวว่า จังหวัดซัสแคตเชวัน มีความต้องการแรงงานในด้านช่างก่อสร้าง ช่างเชื่อม แรงงานด้านสุขภาพ และแรงงานด้านเหมืองแร่ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจ ทั้งยังต้องการส่งเสริมให้แรงงานที่จะไปทำงานในแคนาดาได้รับการรับรองคุณวุฒิวิชาชีพ เพื่อการันตีทักษะ ประสบการณ์ ที่ผ่านมาทางแคนาดาได้จัดหาแรงงานจากฟิลิปปินส์ เม็กซิโก โปแลนด์ และบางส่วนจากออสเตรเลีย และมองว่าศักยภาพของแรงงานไทย ก็เป็นที่น่าสนใจ โดยจากนี้จะนำข้อมูลที่ได้รับไปหารือเพื่อวางแนวทางการทำงานร่วมกับ Ministry of Immigration and Career Training และศึกษามาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพ โดยจะนำร่องในอาชีพช่างเชื่อม อาชีพผู้ดูแลผู้สูงอายุ อาชีพพนักงานให้การดูแล และพนักงานต้อนรับผู้ป่วย เพื่อให้เกิดการยอมรับมาตรฐานอาชีพของสถาบัน และนำไปใช้เพื่อเปิดโอกาสให้คนไทยได้ไปทำงานในจังหวัดซัสแคตเชวัน ประเทศแคนาดาต่อไป

ดร.ณฐา จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ร่วมพิธีเปิดงานเผยแพร่ความรู้ “การใช้โดรนเกษตรอย่างมืออาชีพตามหลักวิชาการและกฎหมาย” โดยกรมวิชาการเกษตร สมาคมการค้านวัตกรรมเพื่อการเกษตรไทย (TaiTa) และวินร็อค อินเตอร์เนชั่นแนล จัดขึ้น ณ โรงแรม รามาการ์เดนส์ ภายในงานสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) หรือ สคช. ได้ร่วมออกบูธให้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดทำมาตรฐานอาชีพ สาขาวิชาชีพเกษตรกรรม สาขาเทคโนโลยีการเกษตร อาชีพผู้ให้บริการโดรนทางการเกษตร และอาชีพช่างซ่อมบำรุงโดรนทางการเกษตร โดยมีผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมงาน ทั้งหน่วยงานทั้งในไทยและต่างประเทศ อาทิ สมาคมอารักขาพืชไทย, สมาคมคนไทยธุรกิจเกษตร, บริษัท เอชจี โรโบติกส์ จำกัด, บริษัท อีซี่ (2018) จำกัด, มหาวิทยาลัยเกษตรศาตร์, สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA), สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) และผู้เข้าร่วมจากประเทศฟิลิปปินส์ และสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันโดรนถูกใช้ในหลากหลายรูปแบบ เช่น ใช้ในการถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอจากมุมสูง ใช้ในการเกษตร และใช้ในการขนส่งสินค้า เป็นต้น ดังนั้น การใช้โดรนนอกจากจะต้องศึกษาเพื่อเลือกใช้ให้เหมาะกับลักษณะงานแล้ว ผู้ใช้ยังต้องคำนึงถึงกฎหมายอีกด้วย สคช.มีมาตรฐานอาชีพที่เกี่ยวข้องกับอาชีพผู้ให้บริการโดรนทางการเกษตร และอาชีพช่างซ่อมบำรุงโดรนทางการเกษตร ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถขอรับการรับรองมาตรฐานของบุคลากรที่ประกอบอาชีพด้านโดรนทางการเกษตรได้ ผ่าน www.tpqi.go.th หรือติดต่อที่ Call center โทร 063-373-3926

ดร.ณฐา จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เข้าร่วมการแถลงความสำเร็จการเชื่อมโยงข้อมูลนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อยกเลิกการเรียกรับเอกสารเกี่ยวกับนิติบุคคล โดยหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ที่ได้ขยายผลความสำเร็จการเชื่อมโยงข้อมูลนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ตามแนวทาง ไม่เรียก ไม่เซ็นเอกสาร ลดภาระซ้ำซ้อน ช่วยประหยัดต้นทุนได้รวมกว่า 7,100 ล้านบาทต่อปี นายสุรงค์ บูลกุล รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และคณะกรรมการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เปิดเผยว่า ภาคเอกชนสนับสนุนภาครัฐที่ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงขั้นตอนและข้อจำกัดทางกฎหมาย รวมถึงระเบียบต่าง ๆ โดยเฉพาะการขออนุมัติ/อนุญาตให้มีความสะดวก ซึ่งร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. และกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ประสานกับ 10 หน่วยงานรัฐ จนระยะที่ 1 สามารถเชื่อมโยงข้อมูลนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นผลสำเร็จ ทำให้ลดกระบวนงานเรียกเอกสารได้จำนวนมาก ก่อนจะขยายผลเชื่อมโยงข้อมูลนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ระยะที่ 2 ครอบคลุมหน่วยงานรัฐเพิ่มอีก 12 หน่วยงาน จากเดิม 10 หน่วยงาน รวมเป็น 22 หน่วยงาน ที่เชื่อมโยงข้อมูลและยกเลิกการเรียกเอกสารนิติบุคคลได้ ถือเป็นการยกระดับบริการภาครัฐอย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้หอการค้าฯ เตรียมทำ Sandbox ขับเคลื่อนแนวทางไม่เรียก ไม่เซ็นสำเนา ในทุกเอกสารและทุกกระบวนงาน ในลักษณะ B2G นำร่องกระบวนงานสำคัญ เพื่อเป็น Quick Win ต้นแบบการอำนวยความสะดวกการประกอบธุรกิจ เดินหน้าสู่ e-Government แบบครบวงจร ด้านนางสาวอ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการ ก.พ.ร. กล่าวว่า ความสำเร็จที่เกิดขึ้นจาก 22 หน่วยงานรัฐ ที่ร่วมขับเคลื่อนการยกเลิกใช้เอกสารเกี่ยวกับนิติบุคคลทำให้ประชาชนและผู้ประกอบการประหยัดค่าใช้จ่ายในภาพรวมได้กว่า 7,100 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะร่วมกันผลักดันให้ครบทุกหน่วยงานภายในปี 2569 โดยการขยายผลกับหน่วยงานอื่นที่เหลือ แบ่งเป็น 3 กลุ่มคือ กลุ่มที่มีความพร้อมยกเลิกการเรียกรับเอกสารเกี่ยวกับนิติบุคคลได้ภายในเดือนธันวาคม 2567 จำนวน 12 หน่วยงาน กลุ่มที่ต้องมีการทบทวนกระบวนงานซึ่งสามารถยกเลิกการเรียกรับเอกสารเกี่ยวกับนิติบุคคลได้ ภายในเดือนธันวาคม 2568 จำนวน 25 หน่วยงาน และกลุ่มที่อยู่ระหว่างการพัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งสามารถยกเลิกการเรียกรับเอกสารเกี่ยวกับนิติบุคคลได้ ภายในเดือนธันวาคม 2569 จำนวน 27 หน่วยงาน เพื่อการยกระดับระบบราชการไปสู่ Digital Government และเพื่อประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม รายชื่อ 12 หน่วยงานภาครัฐพร้อมเชื่อมโยงข้อมูลนิติบุคคลระยะที่ 2 ล่าสุด 1. สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) 2. กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ 3. สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค 4. กรมทางหลวงชนบท 5. กรมการท่องเที่ยว 6. กรมท่าอากาศยาน 7. สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) 8. สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 9. สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ 10. สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล 11. กรมทรัพย์สินทางปัญญา 12. สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ส่วนรายชื่อ 10 หน่วยงานภาครัฐพร้อมเชื่อมโยงข้อมูลนิติบุคคลระยะที่ 1 1. สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา 2. กรมที่ดิน 3. กรมธนารักษ์ 4. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) 5. กรมโรงงานอุตสาหกรรม 6. กรมสรรพสามิต 7. ธนาคารแห่งประเทศไทย 8. กรมศุลกากร 9. กรมบัญชีกลาง 10. กรมสรรพากร

สคช. ร่วม องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย เสริมศักยภาพกลุ่มผู้ทำงานกับเยาวชน (Youth Worker) ทั้งภาครัฐและเอกชน หวังนำมาตรฐานอาชีพเป็นแกนหลักในการทำงานสู่ผลลัพธ์ที่ดีต่อเยาวชน นายนคร ศิลปอาชา ประธานกรรมการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เปิดการฝึกอบรมเสริมสร้างศักยภาพ สำหรับกลุ่มผู้ทำงานกับเยาวชน (Youth Worker) ที่สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ร่วมกับองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย จัดขึ้นระหว่างวันที่ 16 - 19 ธันวาคม 2567 ณ ศูนย์ประชุมพระมหาไถ่ พัทยา จ.ชลบุรี โดยมี นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ และ นางสาววิลสา พงศธร ผู้แทนองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย ร่วมในพิธี ซึ่งผู้เข้ารับการฝึกอบรมเป็นกลุ่มผู้ที่ทำงานกับเยาวชนในหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน จำนวนกว่า 60 คน อาทิ นักจิตวิทยา, นักสังคมสงเคราะห์, ผู้ดูแลศูนย์พักพิงเด็ก, พยาบาล, ผู้ให้คำปรึกษาด้านจิตสังคม และที่ปรึกษากฎหมายเด็กและเยาวชน, สถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย และมูลนิธิพระมหาไถ่ เป็นต้น การอบรมครั้งนี้ เป็นการอบรมเนื้อหาหลักสูตรตามมาตรฐานอาชีพผู้ทำงานกับเยาวชน ระดับ 4 ประกอบด้วยหัวข้อต่างๆ ที่จำเป็นต่อการทำงาน ได้แก่ ความรู้พื้นฐานในการทำงานร่วมกับเยาวชน การสื่อสารเชิงบวกเพื่อสร้างความไว้วางใจ การสนับสนุนเยาวชนให้เข้าถึงบริการที่จำเป็น และการสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้เยาวชน เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการทำงานของเจ้าหน้าที่ในองค์กรพัฒนาชุมชน หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ที่ทำงานกับเยาวชน เพื่อส่งเสริมให้มีมาตรฐานและให้ผลลัพธ์ที่ดีต่อเยาวชน นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ กล่าวว่า ความเปราะบางของเด็กและเยาวชนในประเทศไทย ที่มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น มาจากปัญหาและสภาพแวดล้อมต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของครอบครัว ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงบริการและความเชื่อมโยงทางสังคมที่จำเป็น รวมถึงการเข้าถึงการศึกษาและโอกาสในการจ้างงานของเยาวชน ดังนั้นการเสริมศักยภาพให้กับผู้ทำงานกับเยาวชน ตามเนื้อหาหลักสูตรที่สอดคล้องกับมาตรฐานอาชีพจึงมีความสำคัญต่อการจัดการและร่วมในการเผชิญปัญหากับเยาวชน ด้านนางสาววิลสา พงศธร ผู้แทนองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวว่า เยาวชนไทยจำนวนมากยังคงเป็นกลุ่มที่มีความเปราะบาง ซึ่งรวมถึงเยาวชนที่มีความต้องการในการเรียนรู้เฉพาะทาง เยาวชนผู้ที่มีความพิการ เยาวชนผู้ที่อยู่ในสภาพความยากจน เยาวชนผู้ซึ่งเป็นบุตรของแรงงานข้ามชาติ หรือเป็นแรงงานข้ามชาติจากประเทศเพื่อนบ้าน เยาวชนไร้สัญชาติ มารดาหรือผู้ดูแลเยาวชนที่ยังเยาว์วัย และเยาวชนที่ไม่ได้รับการศึกษา ไม่ได้รับการจ้างงาน หรือไม่ได้รับการฝึกอบรม (NEET) ซึ่งเยาวชนเหล่านี้สามารถเป็นกำลังสำคัญในอนาคตให้กับประเทศของเราได้ แต่จะต้องมีผู้ดูแลหรือผู้ที่ทำงานกับเยาวชนที่มีคุณภาพ เพื่อเป็นกำลังสนับสนุนและชี้นำแนวทางให้กับเยาวชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับผู้ที่ผ่านการอบรมและผ่านการทดสอบครบตามระยะเวลาของหลักสูตรฝึกอบรมนี้ จะได้รับประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพ อาชีพผู้ทำงานกับเยาวชน(Youth Worker) ระดับ 4 ที่ย้ำว่าเป็นผู้มีความรู้ ทักษะและประสบการณ์ ในการเป็นผู้ทำงานกับเยาวชนได้อย่างมีมาตรฐานและเป็นมืออาชีพ

นางสาวนฤมล พูลทรัพย์ ที่ปรึกษาสถาบัน และคณะ เป็นผู้แทนร่วมประชุมกับผู้บริหารกรมการจัดหางานทั่วประเทศกว่า 40 คน ในโครงการ "สัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อจัดทำแผนยุทธศาสตร์การแนะแนวอาชีพสู่ความเป็นเลิศ" โดยจัดขึ้นที่ โรงแรมริเวอร์ไรน์เพลส โฮเทล แอนด์เรสซิเด้นซ์ จังหวัดนนทบุรี เพื่อชี้แจงแนวทางการรับรองคุณวุฒิวิชาชีพตามมาตรฐานอาชีพนักแนะแนวการศึกษาและอาชีพ รวมถึงตอบข้อซักถาม การร่วมประชุมครั้งนี้ผู้อำนวยการกองส่งเสริมการมีงานทำ กรมการจัดหางาน เชิญสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพให้ข้อมูลเริ่มต้นเป็นแนวทางการพัฒนาสมรรถนะบุคคลตามมาตรฐานอาชีพและการร่วมผลักดันให้เกิดการนำคุณวุฒิวิชาชีพไปใช้ประโยชน์ กับกลุ่มข้าราชการและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานด้านการแนะแนวอาชีพและส่งเสริมการประกอบอาชีพของกรมการจัดหางาน เพื่อยกระดับคนทำงานภาครัฐให้เห็นความสำคัญในตำแหน่งงานที่ตนเองทำอยู่ โดยได้รับความสนใจทั้งการเข้ารับการประเมินสมรรถนะ และการพัฒนาหลักสูตรร่วมกันเพื่อให้มีหลักสูตรที่พัฒนาบุคลากรของกรมการจัดหางานทั่วประเทศต่อไป

ดร.ณฐา จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เข้าร่วมประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านท่องเที่ยว โดยมีนางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี เป็นประธานการประชุม ซึ่งได้มีการหารือแนวทางการจัดทำโครงการเพื่อเสนอของบประมาณประจำปี 2569 ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบตามแนวทางของสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ในการจัดทำโครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวรองรับการยกระดับ Soft Power ซึ่งจะมีการจัดทำชุดฝึกอบรมตามมาตรฐานอาชีพเพื่อพัฒนาทักษะและศักยภาพของบุคลากรในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อาทิ กลุ่ม Wellness, Gastronomy, Influencer ด้านท่องเที่ยว, Sustainable Tourism Operators, AI for Tourism, Service Skills ด้านการท่องเที่ยว และการสื่อสารภาษาต่างประเทศเพื่อการท่องเที่ยว รวม 40 ชุดฝึกอบรม เพื่อยกระดับสมรรถนะของบุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้มีมาตรฐานรองรับการทำงานด้านท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism), การท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism), และการสร้าง Influencer/KOL ด้านการท่องเที่ยว รวมถึงด้านการจัดการความยั่งยืนด้านการท่องเที่ยว ด้วยหลักสูตรฝึกอบรมที่สอดคล้องตามมาตรฐานอาชีพของสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) รองรับผู้ประกอบการและชุมชนท้องถิ่น ใน 20 เส้นทางการท่องเที่ยวคุณภาพสูงตามเป้าหมายของคณะอนุฯ ท่องเที่ยว ซึ่งจะทำให้ผู้ที่ผ่านการอบรมสามารถสะสมสมรรถนะ หรือขอการรับรองคุณวุฒิวิชาชีพได้ด้วย ในวันนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบให้แต่งตั้งนางสาวณฐา ทำหน้าที่ผู้อำนวยการหลักสูตร OFOS ประจำคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านท่องเที่ยว เพื่อเป็นตัวแทนของคณะอนุฯ ท่องเที่ยว รวมถึงติดตามความคืบหน้าการจัดทำหลักสูตรต่างๆ ภายใต้โครงการ OFOS ด้วย

นางสาวนฤมล พูลทรัพย์ ที่ปรึกษาสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ผู้แทนสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) นำทีมลงพื้นที่เยี่ยมสำรวจองค์กรนำร่อง เพื่อพัฒนาและส่งเสริมองค์กรคุณธรรมในระบบคุณวุฒิวิชาชีพ พร้อมพัฒนารูปแบบ Plug-in model ร่วมกับศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) และบริษัท โคจอย คอนซัลติ้ง จำกัด โดยจัดขึ้นที่ KX - Knowledge Exchange for Innovation ถนนกรุงธนบุรี เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร การลงพื้นที่ครั้งนี้มีบริษัท บางกอกแนนนี่เซ็นเตอร์ จำกัด เป็นองค์กรนำร่อง โดยมีนางสาวรสรี ซันจวน ประธานกรรมการบริหาร (CEO) บริษัท Go Mamma และผู้บริหาร พร้อมทีมงานให้การต้อนรับและให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเริ่มต้นและแนวทางการพัฒนาสมรรถนะบุคคลตามมาตรฐานอาชีพและการร่วมผลักดันให้เกิดการนำคุณวุฒิวิชาชีพไปใช้ประโยชน์ โดยเฉพาะอาชีพ “เพื่อนผู้สูงวัย” ที่มุ่งสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคมการดูแลผู้สูงอายุ สร้างจุดเปลี่ยนสังคมการดูแลผู้สูงวัยด้วยการส่งเสริมอาชีพที่ตอบโจทย์สังคมสูงวัย พร้อมทั้งยกระดับมาตรฐานอาชีพให้สอดคล้องกับความต้องการจริง การเยี่ยมสำรวจและเก็บข้อมูลนี้ถือเป็นครั้งที่สอง ภายใต้บันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) และศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) โดยมีเป้าหมายเพื่อทดลองใช้โมเดลการรับรององค์กรส่งเสริมคุณธรรมในระบบคุณวุฒิวิชาชีพ และเพื่อนำกระบวนการขั้นตอนต่างๆ มาปรับปรุงให้เหมาะสมกับการนำไปใช้จริง ซึ่งในปีงบประมาณ 2568 มีแผนขับเคลื่อนองค์กรรับรอง (CB) และองค์กรที่ทำหน้าที่ให้บริการฝึกอบรม (TP) ให้ได้รับการรับรองเป็นองค์กรคุณธรรมในระบบคุณวุฒิวิชาชีพ ความร่วมมือนี้ไม่เพียงเพื่อให้เกิดแนวทางการปรับปรุงกระบวนการรับรององค์กรคุณธรรมให้เหมาะสมกับการใช้งานจริงเท่านั้น ยังเป็นการมุ่งสร้างมาตรฐานและช่วยผลักดันให้คุณวุฒิวิชาชีพถูกนำไปใช้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุดต่อสังคมและเศรษฐกิจไทยต่อไป

นายนิธิวัชร์ ศิริปริยพงศ์ รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ร่วมรับฟังการแถลงผลงานรัฐบาลในรอบ 3 เดือน ณ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ที่รับผิดชอบในแต่ละนโยบาย รวมถึงข้าราชการระดับสูง หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง กรม ผู้ว่าราชการจังหวัดและ องค์การมหาชนเข้าร่วม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงผลการทำงานตั้งแต่ได้เข้ารับตำแหน่งจนถึงวันนี้กว่า 90 วัน ว่าเป็นผลงานที่ต่อเนื่องมาจากการบริหารงานของอดีตนายกรัฐมนตรีนายเศรษฐา การทำงานจนถึงปัจจุบันผ่านความร่วมมือของคณะรัฐมนตรีและพี่น้องข้าราชการ ทำให้วันนี้ “ทุกคนคือทีมเดียวกัน” และจะร่วมกันเดินไปข้างหน้าอย่างเต็มที่ เพื่อวางรากฐานให้คนไทยมีกิน-มีใช้-มีเกียรติ-มีศักดิ์ศรี ประเทศไทยในปี 2568 จะเป็นปีแห่ง “โอกาส” รัฐบาลจะสร้างผลงานที่เป็นรูปธรรม เพื่อสร้างอนาคตที่เป็นจริง ที่ผ่านมา ได้ดำเนินการช่วยเหลือและแก้ปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่,การสานต่อนโยบายเงินดิจิตอล, การขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์, และ 30 บาทรักษาทุกที่ โอกาสนี้ได้มอบนโยบายแก่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ที่รับผิดชอบในแต่ละนโยบาย รวมถึงข้าราชการระดับสูง หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง กรม ผู้ว่าราชการจังหวัดและ องค์การมหาชน ภายใต้แคมเปญ “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง : 2025 Empowering Thais: A Real Possibility” และในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวกับรองนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีและข้าราชการว่า นักการเมืองและข้าราชการ ต่างมาจากภาษีของประชาชน เราต่างมีหัวใจเดียวกันคือ การทำงานเพื่อรับใช้พี่น้องประชาชน การทำให้ประไทยดีขึ้น วันนี้อยากให้เพื่อนข้าราชการทุกท่านยึดคติในใจว่า หลังจากนี้ จะเป็นปีแห่งการสร้าง “People Empowerment” เพิ่มอำนาจประชาชน ลดอำนาจเรา หรือการลดและเพิ่มประสิทธิภาพของภาครัฐ

ดร.ณฐา จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดงานประชุมวิชาการองค์การเกษตรกรในอนาคตแห่งประเทศไทย (อกท.) ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ระดับภาคกลาง ครั้งที่ 45 โดยมี นายวิทวัต ปัญจะมวัต รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยนายกลวัชร ทรัพย์ส่งสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ร่วมกล่าวต้อนรับ งานประชุมวิชาการครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี องค์อุปถัมภ์ขององค์การ รวมถึงเป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้เยาวชนในภาคการเกษตร ซึ่งเป็นสมาชิกของ อกท. ได้แลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการ ฝึกฝนทักษะวิชาชีพ และเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีทางการเกษตรสมัยใหม่ การพัฒนาทักษะชีวิต ความเป็นผู้นำ และการทำงานร่วมกันอย่างมีแบบแผน จัดขึ้น ณ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสุพรรณบุรี อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งวิทยาลัยฯ ยังเป็นองค์กรที่มีหน้าที่รับรองสมรรถนะของบุคคลตามมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพ กับ สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ที่ให้การรับรองในสาขาวิชาชีพเกษตรกรรม จำนวน 2 คุณวุฒิ ได้แก่ สาขาเทคโนโลยีการเกษตร อาชีพนักเทคโนโลยีการจัดการการเกษตร ระดับ 5 และสาขาเทคโนโลยีการเกษตร อาชีพนักเทคโนโลยีการผลิตพืช ระดับ 5 อีกด้วย ภายในงานนี้ นอกจากการประชุมวิชาการแล้ว ยังมีกิจกรรมการแข่งขันทักษะวิชาชีพด้านการเกษตร การจัดแสดงนิทรรศการผลงานดีเด่น ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และการจำหน่ายผลผลิตจากฝีมือของนักศึกษา โดยมีวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี 13 แห่งในโซนภาคกลาง ร่วมจัดงานเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้การศึกษาด้านเกษตรและพัฒนาทักษะเกษตรกรรุ่นใหม่ ระหว่างวันที่ 2- 6 ธันวาคม 2567 ถือเป็นการส่งเสริมทั้งความรู้ ทักษะ และการต่อยอดสู่การเป็นเกษตรกรรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพ แสดงถึงการสนับสนุนเยาวชนไทยในภาคเกษตรกรรมให้เติบโตเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไป

สคช.ร่วมมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญและบริษัท Wefly Aero จำกัด มอบประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพ การันตีช่างซ่อมอากาศยานและครูฝึกในสถานประกอบการ หนุนพัฒนาสู่การทดสอบตามมาตรฐาน EASA นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ มอบประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพ แก่ผู้ผ่านการฝึกอบรมและการประเมินสมรรถนะของบุคคลตามมาตรฐานอาชีพ ในโครงการพัฒนาบุคลากรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านช่างซ่อมอากาศยาน หลักสูตร Aircraft Mechanics : Airplanes อาชีพช่างอากาศยาน ระดับ 3 และครูฝึกในสถานประกอบการ ระดับ 4 จำนวน จำนวน 42 คน โดยมี ผศ.ดร. รพี อุชชิน ผู้แทนจากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ และ Mr.Luca Curcio จากบริษัท Wefly Aero จำกัด ร่วมแสดงความยินดี โอกาสนี้ นางสาวจุลลดากล่าวว่า โครงการนี้จะช่วยยกระดับสมรรถนะกำลังคนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยมาตรฐานอาชีพ ในอาชีพช่างอากาศยาน และสนับสนุนผู้ที่ผ่านการประเมินให้มีโอกาสเข้าไปทดสอบตามมาตรฐาน EASA โดยสถาบันมุ่งเป้าที่จะต่อยอดให้ผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมในครั้งนี้ สามารถเป็นต้นแบบและนำไปถ่ายทอดให้กับนักศึกษาในสาขาที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมช่างซ่อมอากาศยานต่อไป

สคช. หารือร่วมสภาพัฒน์ฯ เสริมการพัฒนาผลิตภาพแรงงานไทยเพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศ นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ให้การต้อนรับคณะผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) นำโดยนายนิติ ช่างภิญโญ ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์การผลิตและบริการ โอกาสนี้ได้มีการหารือแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านแรงงานและผลิตภาพแรงงานของไทย, ปัญหา อุปสรรคด้านแรงงานและผลิตภาพแรงงาน (Labor Productivity), ผลการดำเนินงานของโครงการหรือกลไกที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาและพัฒนาแรงงาน และผลิตภาพแรงงานในภาพรวมของประเทศ และการพัฒนาผลิตภาพแรงงานใน 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย, การจัดทำข้อมูล Demand & Supply ในปัจจุบันและอนาคตสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย, การดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาผลิตภาพแรงงาน และความก้าวหน้าในการดำเนินโครงการสำคัญเพื่อพัฒนาผลิตภาพแรงงานและแนวทางการดำเนินงานในอนาคต ขณะเดียวกัน สคช. ได้นำเสนอการดำเนินงานตามภารกิจที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนากำลังคน ได้แก่ การจัดทำมาตรฐานอาชีพ การนำมาตรฐานอาชีพไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนากำลังคน การให้บริการผ่านแพลตฟอร์ม E-Workforce Ecosystem (EWE) รวมถึงรายงานแนวโน้มและความต้องการกำลังคนในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อจะผลักดันให้สภาพัฒน์ได้นำผลการดำเนินงานของ สคช. เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนตัวชี้วัดในภาพรวมของประเทศที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนากำลังคน ได้แก่ การจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขัน (IMD) และผลิตภาพแรงงาน (Labor Productivity) ซึ่งสถาบันจะจัดส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้กับสภาพัฒน์ต่อไป

สคช.ร่วม ยกระดับผู้เพาะเลี้ยงกุ้งครั้งแรกในไทย ในงาน “สัตว์น้ำไทย 2024” หวังทวงคืนแชมป์โลกส่งออกกุ้ง สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) โดยสำนักส่งเสริมสถานประกอบการและการอบรมด้วยระบบคุณวุฒิวิชาชีพ เป็นผู้แทนเข้าร่วมงาน “สัตว์น้ำไทย 2024” (Thai Aqua Expo 2024) ที่โรงแรมซันไรส์ ลากูน โฮเทลแอนด์กอล์ฟ จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยมี นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธี โอกาสนี้ นายอิทธิ ศิริลัธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยนายพิริยพงศ์ แจ้งเจนเวทย์ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมสถานประกอบการและการอบรมด้วยระบบคุณวุฒิวิชาชีพ ได้มอบประกาศนีบัตรคุณวุฒิวิชาชีพแก่บุคลากรในอุตสาหกรรมเพาะเลี้ยงกุ้งไทย ที่ผ่านการประเมินสมรรถนะฯ ว่ามีความรู้ ความสามารถ ทักษะและประสบการณ์ ในอาชีพผู้อนุบาลกุ้งทะเล ระดับ 3 และระดับ 4 และอาชีพเพาะฟักกุ้งทะเล ระดับ 3 และระดับ 4 ถือเป็นครั้งแรกที่ได้การันตี ความรู้ ความสามารถ ทักษะ และประสบการณ์ของผู้เพาะเลี้ยงกุ้ง ซึ่งเป็นไปตามที่มาตรฐานอาชีพกำหนด ทั้งช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ และยังหวังให้เกิดการส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรให้มีความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมกุ้งไทยในตลาดโลก เพื่อทวงแชมป์โลกด้านส่งออกกุ้งกลับมาอีกครั้ง นอกจากนี้ สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนามาตรฐานอาชีพและส่งเสริมการฝึกอบรมในสถานประกอบการและสถานศึกษา เพื่อยกระดับทักษะของบุคลากรในอุตสาหกรรมสัตว์น้ำไทยอย่างต่อเนื่อง สร้างความยั่งยืนและความมั่นคงให้กับอุตสาหกรรมเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำไทยในระยะยาว โดยงาน “สัตว์น้ำไทย 2024” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-4 ธันวาคม 2567 โดยสมาคมกุ้งตะวันออกไทย ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ภายใต้แนวคิด “ปรับกลยุทธ์สัตว์น้ำไทย สร้างกำไรทุกภาคส่วน” มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของเกษตรกรและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสัตว์น้ำไทย ให้พร้อมแข่งขันในตลาดโลก เพื่อให้เกิดความมั่นคงทางด้านอาหาร รวมถึงส่งเสริมการพัฒนาอาชีพของเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำควบคู่ไปกับการพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการ เพื่อเพิ่มโอกาสและเตรียมความพร้อมขยายตลาดได้ทั้งภายในและต่างประเทศ

สคช. จับมือ TMF เดินหน้ายกระดับบุคลากรอุตสาหกรรมสื่อและบันเทิงตามมาตรฐานอาชีพ นายนคร ศิลปอาชา ประธานกรรมการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ และนางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ พร้อมด้วย คณะผู้บริหารสถาบัน ร่วมในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือ กับกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ นำโดย นายธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ และคณะผู้บริหาร เข้าร่วมเป็นสักขีพยาน ในการลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือ ว่าด้วยการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ที่สอดคล้องกับมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพ นายนคร กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะพัฒนาทักษะ ความรู้ และความสามารถของบุคลากรในอุตสาหกรรมสื่อและบันเทิง ด้วยมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพ และขอขอบคุณกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ที่เห็นประโยชน์ร่วมกันในการใช้ประโยชน์จากคุณวุฒิวิชาชีพ พร้อมร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป นางสาวจุลลดา กล่าวเพิ่มเติมว่า เป้าหมายสำคัญในการยกระดับมาตรฐานอาชีพของบุคลากรในอุตสาหกรรมสื่อและบันเทิงทั่วประเทศสำหรับการทำความร่วมมือนี้ จะเป็นการยกระดับความเชื่อมั่นและคุณภาพบุคลากรในอุตสาหกรรมสื่อและบันเทิง อีกทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างค่านิยมใหม่ของสังคมที่ให้การยอมรับระบบคุณวุฒิวิชาชีพ และช่วยส่งเสริมความตระหนักรู้ในคุณค่านี้ในทุกภาคส่วน ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญต่อการสร้างสังคมที่มีคุณภาพต่อไป ด้าน นายธนกร ยอมรับว่า ในปัจจุบันมีอาชีพใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย อันจะเป็นประโยชน์เมื่อมีมาตรฐานอาชีพมาใช้ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมสื่อและบันเทิงและในยุคดิจิทัล การเพิ่มขึ้นของอาชีพใหม่ในโลกออนไลน์ ทำให้ความร่วมมือนี้ตอบโจทย์พันธกิจของกองทุนอย่างมาก เพื่อพัฒนาบุคลากร และการผลิตสื่อปลอดภัย สร้างสรรค์ ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย พร้อมสร้างความรู้เท่าทันสื่อให้กับประชาชน ความร่วมมือนี้จะเป็นอีกก้าวสำคัญในการพัฒนาบุคลากร ยกระดับมาตรฐานอาชีพในประเทศไทย และตอบโจทย์สังคมดิจิทัลด้วยการผลิตสื่อที่สร้างสรรค์และปลอดภัยอย่างแท้จริง

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา พระราชทานประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพแก่ผู้สร้างสรรค์งานผ้าบาติก ในงาน Silk Festival 2024 สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จเป็นองค์ประธานโครงการ Silk Festival 2024 สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น เซ็นเตอร์ ในการนี้นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ พร้อมคณะผู้บริหารสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ร่วมรับเสด็จ ทั้งนี้ผู้สร้างสรรค์งานผ้าบาติก จำนวน 7 คน ได้เข้ารับพระราชทานประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพและหนังสือรับรองสมรรถนะ ระดับ 6 สาขาวิชาชีพอนุรักษ์งานศิลป์หัตถกรรมและงานพื้นบ้าน และสาขาผ้าเขียน-พิมพ์ลาย ของสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ขณะที่นางสาวจุลลดา ได้เข้ารับพระราชทานเหรียญรางวัล ในฐานะร่วมเป็นคณะทำงานสนับสนุนขับเคลื่อนโครงการผ้าไทยใส่ให้สนุกด้วย นางสาวจุลลดา กล่าวว่า ด้วยสำนึกในพระกรุณาธิคุณที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญาทรงมีต่อปวงชนชาวไทย สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ขอน้อมนำแนวพระดำริในการสืบสาน รักษา และต่อยอด งานศิลปะหัตถกรรม ซึ่งสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ได้ดำเนินการจัดทำมาตรฐานอาชีพในสาขาวิชาชีพอนุรักษ์งานศิลปหัตถกรรมและงานพื้นบ้าน สาขางานผ้าทอ ผ้าเขียน-พิมพ์ลาย อาชีพผู้สร้างสรรค์งานผ้าบาติก งานเครื่องจักสาน งานศิลป์แผ่นดิน การแสดงโขน เป็นต้น เพื่ออนุรักษ์ฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมภูมิปัญญางานศิลปหัตถกรรมและงานพื้นบ้านของไทย ให้ดำรงอยู่อย่างยั่งยืนสืบไป สำหรับโครงการ Silk Festival 2024 สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน จัดขึ้นภายใต้แนวคิด Silk Success Sustainability เพื่อสร้างการรับรู้การพัฒนาผลงานผ้าไทยสู่สากล และเผยแพร่ความสำเร็จของโครงการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ตามแนวพระดำริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ในงาน Silk Festival 2024 สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ยังมีสินค้าภายใต้โครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก กว่า 200 ร้านค้า และกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ การจัดแสดงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ นิทรรศการผลสำเร็จจากโครงการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” กิจกรรมสาธิตภูมิปัญญา และการแสดงแบบภูมิปัญญาจากผ้าไทย (Sustainable Fashion) ที่ออกแบบตัดเย็บตัดเย็บโดยดีไซเนอร์ไทย จำนวน 16 แบรนด์ การเปิดตัวสมาคมนักออกแบบไทย การจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP และอาหารชวนชิม จำนวน 250 ร้าน พร้อมกิจกรรมส่งเสริมการขายเป็นประจำทุกวันซึ่งจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 29 พ.ย. – 2 ธ.ค.นี้ ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น เซ็นเตอร์ ฮอลล์ 6 – 7 เมืองทองธานี

นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ได้รับเชิญจาก ICDL ASIA เป็นวิทยากรในงาน Digital Literacy Day 2024 เพื่อแบ่งปันแนวโน้มที่สำคัญของอุตสาหกรรมและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในทักษะดิจิทัลและการเรียนรู้ดิจิทัลในเอเชีย โดยมีผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมดิจิทัล ภาครัฐ เอกชน นักวิชาการ และผู้ให้บริการฝึกอบรม จากหลายประเทศ ในปีนี้งาน ICDL Asia Digital Literacy Day 2024 จัดขึ้น ระหว่าง วันที่ 26 - 27 พฤศจิกายน 2567 ณ มหาวิทยาลัยมัลติมีเดีย (MMU) ประเทศมาเลเซีย ภายในงานมีการประกาศรายชื่อผู้ชนะการแข่งขัน ICDL Asia Digital Challenge 2024, ICDL Asia Digital Educators’’ Award 2024 และ ICDL Asia Partner Awards 2024 นางสาวจุลลดา ได้พูดถึงความท้าทายสำหรับการฝึกอบรมทักษะให้กับแรงงานเพื่อการพัฒนากำลังคน โดยเฉพาะในมาตรฐานอาชีพใน สาขาอุตสาหกรรมดิจิทัล และได้เสนอว่าการใช้ E-Workforce Ecosystem Platform หรือ EWE ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอัจฉริยะแห่งการค้นหาตนเองสู่อาชีพ การพัฒนาศักยภาพตนเองด้วยการ Reskill - Upskill การเรียนรู้ตลอดชีวิตและการค้นหางาน จะเป็นทางออกของประเทศ เปิดโอกาสให้กำลังแรงงานสามารถเข้าสู่การพัฒนาทักษะได้ด้วยตนเองอย่างเป็นระบบ

ดร.ณฐา จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ และในฐานะรองประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านอาหาร ภายใต้คณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ พร้อมด้วยเชฟชุมพล แจ้งไพร ประธานอนุกรรมการฯ และผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมครั้งแรกในปี 2568 เพื่อพัฒนาหลักสูตรเชฟอาหารไทยมืออาชีพ ขับเคลื่อนโครงการ “1 หมู่บ้าน 1 เชฟอาหารไทย” ที่มุ่งยกระดับวงการอาหารไทยสู่เวทีโลก ในการประชุมดังกล่าวมีมติสำคัญในการแต่งตั้งคณะพัฒนาหลักสูตรเชฟอาหารไทยมืออาชีพและหลักสูตรอาหารไทย (ตำรับ) เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมอาหารไทย รวมถึงพิจารณาหลักสูตรและเกณฑ์การคัดเลือกผู้เข้าร่วมอบรมหลักสูตรเชฟอาหารไทย 240 ชั่วโมง ซึ่งแบ่งออกเป็น การเรียนทฤษฎีออนไลน์ 90 ชั่วโมง และการฝึกปฏิบัติจริง 150 ชั่วโมง ซึ่งผู้ที่ผ่านการอบรมจะได้รับประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพ ในอาชีพผู้ประกอบอาหารไทยระดับ 4 จากสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) การันตีคุณภาพในฐานะเชฟอาหารไทยมืออาชีพ หลักสูตรนี้ไม่เพียงแต่สอนการทำอาหาร แต่ยังเน้นการพัฒนาทักษะด้านการบริหาร เพื่อสร้างเชฟมืออาชีพและชุมชนร้านอาหารไทยที่มีคุณภาพ โครงการนี้มุ่งหวังที่จะ Upskill-Reskill ทักษะการทำอาหารของพ่อครัวแม่ครัวระดับหมู่บ้านให้กลายเป็นเชฟระดับมืออาชีพ เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารไทย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเป็นซอฟต์พาวเวอร์ของไทยอย่างแท้จริง

วันที่ 25 พ.ย. 2567 นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ นายนิธิวัชร์ ศิริปริยพงศ์ รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (สคช.) ร่วมประชุมหารือการดำเนินงานกับ Mr. Koji Miyamoto Senior Economist ,East Asia and Pacific Region Education Global Practice from World Bank ถึงแนวทางความร่วมมือการดำเนินงานร่วมกัน โดยผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ได้นำเสนอภารกิจสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) และ E-Workforce Ecosystem Platform (EWE Platform) ซึ่ง Mr. Koji ได้ให้ความสนใจการดำเนินงานระบบต่างๆ ภายใต้ EWE Platform เช่น ระบบสั่งสมสมรรถนะการเรียนรู้ (Competency Credit Bank) แนวทางการสนับสนุนระบบคูปองอิเล็กทรอนิกส์เพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต(E-Coupon) โดยเฉพาะมีความสนใจการสนับสนุนกับกลุ่มนักเรียนที่ยากจนหรือขาดโอกาส ซึ่ง สคช. ได้ดำเนินการสนับสนุนการ Up- skill Re -skill ผ่าน E-Coupon กับทุกกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งกลุ่มนักเรียนที่หลุดจากระบบการศึกษา ซึ่งเป็นไปตามนโยบาย Thailand Zero Dropout ของรัฐบาลด้วย

ดร.ณฐา จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ในฐานะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านการท่องเที่ยว คณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ร่วมประชุมนัดแรกโดยนางสาวมาริสา สุโกศล หนุนภักดี ประธานอนุกรรมการเป็นประธานการประชุม พร้อมคณะจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนกว่า 21 คน เพื่อหารือแนวทางการเดินหน้าโครงการ 6 โครงการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ด้านการท่องเที่ยว เช่น โครงการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ อัตลักษณ์และภูมิปัญญาท้องถิ่น การค้นหาวิทยากรและผู้ประกอบการที่มีศักยภาพในพื้นที่ เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เชื่อมเส้นทางการท่องเที่ยว และการบริหารจัดการอย่างยั่งยืน ส่งเสริมการท่องเที่ยว Gastronomy Thailand และพัฒนา Gastro Travel Specialist เป็นต้น ซึ่งจะได้มีการสรุปภาพรวมนำเสนอต่อคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติต่อไป

สคช. ร่วมวางพวงมาลาพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เนื่องในวันวชิราวุธ ณ ลานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 สวนลุมพินี ดร.ณฐา จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ นำคณะเจ้าหน้าที่สถาบัน วางพวงมาลา เนื่องในวันวชิราวุธ ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของ พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เพื่อแสดงถึงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย โดยบรรยากาศ ณ พระบรมราชานุสาวรีย์ ยังมีหน่วยงานราชการ กองลูกเสือ และประชาชน ทุกหมู่เหล่าร่วมพิธี

นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (สคช.) พร้อมคณะผู้บริหารสถาบัน ร่วม ในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ ความร่วมมือ กับ Human Resources Development Service of Korea (HRDK) สังกัดกระทรวงการจ้างงานและแรงงาน สาธารณรัฐเกาหลี โดยมี Mr. Kim Gyu Seog (HRDK Vice President), Ms. Yoon A-Sun (Acting Executive Director of Global Institute For Transferring Skills) และ Mr. Moon Hyun Tae ผู้แทน HRDK ประจำประเทศไทย เข้าร่วมในการลงนามบันทึก ความเข้าใจความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระบบคุณวุฒิและการยอมรับ สมรรถนะและคุณวุฒิร่วมกัน นางสาวจุลลดา กล่าวว่า HRDK เป็นพันธมิตรที่ดีกับ สคช. มาตั้งแต่ปี 2014 ทำงานร่วมกันในการใช้ระบบคุณวุฒิพัฒนาทุนมนุษย์ ซึ่งใช้มาตรฐานอาชีพในการฝึกอบรสายวิชาชีพและการเชื่อมโยงกับตำแหน่งงานและเส้นทางความก้าวหน้า ในด้านการจัดทำมาตรฐานอาชีพ HRDK ได้ร่วมมือตั้งแต่การรับมาตรฐานอาชีพบางสาขามาเป็นต้นแบบในการจัดทำมาตรฐานอาชีพของไทย ส่งเสริมการสร้างโอกาสให้คนไทยที่มีคุณวุฒิมีโอกาสเพิ่มขึ้นในการได้งานทำที่สาธารณรัฐเกาหลี รวมถึงการเทียบเคียงเพื่อนำไปสู่การรับรองสมรรถนะให้กับกำลังคนที่กลับมาประเทศไทยหลังจากทำงานที่สาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งคาดว่าจะนำร่องได้ภายในปีหน้านี้ นอกจากนี้ สคช. ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการพัฒนามาตรฐานอาชีพ ให้ตอบโจทย์ Future of Work และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ NCS (National Competency Standard) สาขาแห่งอนาคต ที่รัฐบาล เกาหลีและ HRDK ผลักดัน เพื่อให้กำลังคนสามารถรับมือกับความ เปลี่ยนแปลงได้ สคช. ยังตั้องการสานต่อความร่วมมือในการพัฒนานักเขียนบท ซึ่งที่ผ่านมาได้ใช้ NCS อ้างอิงเป็นต้นแบบ และในปี 2568 จะได้จัดฝึกอบรมในการใช้มาตรฐานอาชีพบ่มเพาะและส่งเสริมการเป็นนักเขียนมืออาชีพ ตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ Soft Power ของไทย ขณะเดียวกันเตรียมร่วมกับ HRDK ดำเนินการโครงการนำร่องการนำผลการยอมรับคุณวุฒิช่างเชื่อมไปใช้ประโยชน์ พร้อมผลักดันโมเดลขยายผลไปสู่ประเทศอื่น หรือการใช้ประโยชน์ในสาขาอาชีพอื่นๆ ต่อไปในอนาคต Mr. Kim Gyu Seog ระบุว่าการทำงานร่วมกับ สคช. ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนด้านความรู้ ทักษะ ในการทำงานได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะ สคช. มีระบบการพัฒนาคนอย่าง EWE Platform ที่ทำงานลักษณะเดียวกันกับแพลตฟอร์มของสาธารณรัฐเกาหลี ที่ช่วยให้ประชาชนสามารถต่อยอดสร้างอาชีพ มีโอกาสฝึกอบรม เรียนรู้ได้ตลอดชีวิต ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศ ขณะเดียวกันประเทศไทยมีประสบการณ์การเคลื่อนย้ายแรงงานข้ามชาติที่ดี การสร้างระบบการยอมรับสมรรถนะการทำงาน ความสามารถของคนร่วมกัน ซึ่งเป็นพื้นฐานรองรับการเคลื่อนย้าย กำลังแรงงานในอนาคตด้วย

สคช. จับมือ สมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทย ติวเข้มคนขับรถบัสโดยสารให้ขับขี่ปลอดภัย พร้อมรับมือเหตุการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้น ดร.ณฐา จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (สคช.) พร้อมสมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทย ผู้แทนกรมการขนส่งทางบก ผู้แทนตำรวจท่องเที่ยว ผู้แทนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ผู้ประกอบการรถทัวร์โดยสาร ร่วมในพิธีปิดโครงการ อบรมพัฒนาศักยภาพพนักงานขับรถโดยสาร ด้านความปลอดภัย (Safety Bus Thailand) ที่สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ร่วมกับ สมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทย จัดฝึกอบรมให้กับพนักงานขับรถโดยสารในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 250 คน ซึ่งเป็นการฝึกอบรมเติมทักษะการเผชิญเหตุฉุกเฉินบนรถโดยสารให้เป็นไปตามมาตรฐานอาชีพ ซึ่งได้มีการจัดหลักสูตรตามมาตรฐานอาชีพ กู้ชีพ กู้ภัย ดับเพลิง ขึ้น ดร.ณฐา กล่าวว่า ในฐานะที่ตนร่วมเป็นคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ด้านการท่องเที่ยวด้วย เล็งเห็นถึงความสำคัญการให้บริการท่องเที่ยวปลอดภัยเป็นพิเศษ เพราะการที่เราจะผลักดันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเราต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวด้วย ขณะที่อุบัติเหตุเป็นสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และส่งผลให้เกิดการสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของคนจำนวนมาก โดยเฉพาะรถโดยสารขนาดใหญ่ ทักษะความรู้ของพนักงานขับรถจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ควรดำเนินการได้อย่างมีมาตรฐาน ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินพนักงานขับรถต้องสามารถให้การช่วยเหลือได้ เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้โดยสาร การฝึกอบรมตามมาตรฐานอาชีพจึงเป็นการเติม ตอกย้ำทักษะที่จำเป็น ยกระดับมาตรฐานการให้บริการเพื่อความปลอดภัยต่อผู้โดยสารเป็นสำคัญ แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือจิตสำนึกด้านความปลอดภัยของผู้ขับขี่ ที่ต้องขับขี่อย่างปลอดภัย รู้วิธีรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงการสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้โดยสารและตัวพนักงานเองได้ ดร.วสุเชษฐ์ โสภณเสถียร นายกสมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทย กล่าวว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับรถโดยสารสาธารณะทั้งประจำทาง และไม่ประจำทางที่เกิดขึ้นหลายครั้ง ทำให้สมาคม และ สคช. เห็นความสำคัญในการยกระดับการขับขี่เพื่อความปลอดภัยของพนักงานขับรถโดยสาร จึงเป็นที่มาให้เกิดโครงการ Safety Bus Thailand มีเป้าหมายคือการพัฒนาศักยภาพของพนักงานขับรถโดยสารให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างปลอดภัย อาทิ การเผชิญเหตุเพลิงไหม้ และวิธีช่วยเหลือผู้โดยสารในสถานการณ์วิกฤติ โดยเป็นการออกแบบหลักสูตรระยะสั้น 1 วัน เน้นทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ เช่นการฝึกดับเพลิง การอพยพผู้โดยสาร และการปฐมพยาบาลเบื้องต้น โดยผู้ผ่านการอบรมจะได้รับหนังสือรับรองสมรรถนะ ในอาชีพนักกู้ชีพ ระดับ 3 และอาชีพนักดับเพลิง ระดับ 4 จากสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ซึ่งเป็นการยืนยันว่าผู้ผ่านการอบรมมีทักษะที่กำหนดไว้ตามมาตรฐานอาชีพจริง

นายนิธิวัชร์ ศิริปริยพงศ์ รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ร่วมประชุมหารือกับ บริษัท นครชัยแอร์ จำกัด โดยมี นางสุดาวรรณ สุวัตถิพงศ์ ผู้อำนวยการสายงานบุคคลและงานธุรการ พร้อมคณะให้การต้อนรับ ซึ่งได้หารือถึงแนวทางความร่วมมือในการรับรองคุณวุฒิวิชาชีพโดยสถานประกอบการ การเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่ให้บริการฝึกอบรมตามมาตรฐานอาชีพ รวมทั้งแนวทางการพัฒนาบุคลากรของบริษัทนครชัยแอร์ ในกลุ่มสาขาวิชาชีพขนส่งชุมชนและสาขาวิชาชีพบริการยานยนต์ เช่น อาชีพผู้ขับขี่รถทัวร์โดยสาร อาชีพช่างบำรุงรักษารถบรรทุกและรถบัสตามระยะทาง ให้ได้รับคุณวุฒิวิชาชีพ ยกระดับบุคคลากรของบริษัท สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับอุตสาหกรรมขนส่งสาธารณะ รวมทั้งเพิ่มความมั่นใจแก่ประชาชนผู้ใช้บริการ พร้อมแนะนำบริการจาก E-Workforce Ecosystem หรือ EWE ที่จะเป็นตัวช่วยพัฒนาทักษะด้านอื่นๆ แก่บุคลากรของนครชัยแอร์ นางสุดาวรรณ กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยให้พนักงานของบริษัทมีมาตรฐาน และยังสร้างความภาคภูมิใจในอาชีพ เตรียมพร้อมตั้งศูนย์ฝึกอบรมผู้ขับขี่รถทัวร์โดยสาร ให้มีทักษะที่จำเป็นในการเดินรถ เตรียมพร้อมป้องกันอุบัติเหตุ ยกระดับความปลอดภัยให้ผู้โดยสารอีกด้วย

สคช. ตั้งเป้าสร้างมาตรฐานอาชีพสิ่งทอ-แฟชั่น หารือ สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ หนุนกำลังคนของไทยสู่เวทีโลก" นายนิธิวัชร์ ศิริปริยพงศ์ รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ร่วมหารือ ดร.ชาญชัย สิริเกษมเลิศ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ พร้อมด้วยนายวิวัฒน์ หิรัญพฤกษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอและแฟชั่นแบบยั่งยืน เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแนวทางความร่วมมือในการจัดทำมาตรฐานอาชีพร่วมกัน นายนิธิวัชร์เผยว่า ความร่วมมือนี้จะช่วยยกระดับบุคลากรในอุตสาหกรรมสิ่งทอและแฟชั่นของไทยให้มีคุณภาพตรงตามมาตรฐานสากล พร้อมชูแพลตฟอร์ม E-Workforce Ecosystem หรือ EWE ของ สคช. ที่จะเป็นตัวช่วยสำคัญในการให้ความรู้และพัฒนาทักษะแก่บุคลากรที่สนใจเข้ารับการประเมินคุณวุฒิวิชาชีพ ด้าน ดร.ชาญชัย ย้ำถึงความสำคัญของการนำมาตรฐานคุณวุฒิวิชาชีพมาใช้ในวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง เช่น สาขาวิชาชีพสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ธุรกิจเสริมสวยและเสริมสร้างสุขภาพ รวมถึงอัญมณี เครื่องประดับ และโลหะมีค่า โดยมองว่าความร่วมมือนี้จะสร้างความเชื่อมโยงที่แข็งแกร่งระหว่างภาคอุตสาหกรรมและกำลังคน นอกจากนี้ยังมีแนวทางที่จะหารือ รวมถึงรวบรวมข้อมูลด้านทักษะและสมรรถนะในอาชีพที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เพื่อนำมาปรับเปรียบเทียบและพัฒนามาตรฐานอาชีพร่วมกันต่อไปในอนาคต ถือเป็นก้าวสำคัญในการเตรียมพร้อมบุคลากรไทยให้ก้าวไกลในเวทีระดับโลกต่อไปอีกด้วย

นายนิธิวัชร์ ศิริปริยพงศ์ รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ร่วมพูดคุยแนวทางความร่วมมือ ณ โรงเรียนพระดาบส โดยมี พลอากาศโท ศาสตราจารย์ นพพล หาญกล้า ผู้อำนวยการโรงเรียนพระดาบส พร้อมคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับ ทั้งนี้มีการร่วมหารือแนวทางการพัฒนาศักยภาพของนักเรียนโรงเรียนพระดาบสที่สำเร็จการศึกษาในหลักสูตรต่าง ๆ ให้ได้รับการรับรองคุณวุฒิวิชาชีพ โดยจะดำเนินการเทียบเคียงหลักสูตรการเรียนการสอนของโรงเรียน เช่น สาขาวิชาชีพบริการยานยนต์ ก่อสร้าง เกษตรพอเพียง และพลังงานทดแทน (โซลาร์เซลล์) กับมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง ในการหารือดังกล่าวยังมีการพูดคุยวางแนวทางการดำเนินงานร่วมกันในประเด็นสำคัญ ๆ อาทิ การต่ออายุบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อสานต่อความร่วมมือด้านการพัฒนาวิชาชีพ การเทียบเคียงหลักสูตรและสมรรถนะ เพื่อให้นักเรียนสามารถขอรับการรับรองคุณวุฒิวิชาชีพได้หลังสำเร็จการศึกษา การได้รับสิทธิพิเศษด้านภาษาอังกฤษ โดย สคช. มอบสิทธิการใช้งานแอปพลิเคชัน Mondly ซึ่งเป็นโปรแกรมเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ให้กับนักเรียนโรงเรียนพระดาบส การประชาสัมพันธ์ระบบและบริการของ EWE Platform ซึ่งสามารถสะสมผลงานแบบออนไลน์จะส่งเสริมการพัฒนาทักษะอาชีพให้ตรงกับความต้องการ 5. การเปิดโอกาสให้นักเรียนที่ผ่านการทดสอบฝีมือแรงงานจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงานสามารถยื่นขอการรับรองคุณวุฒิวิชาชีพจาก สคช. ได้ทันที

ดร.ณฐา จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เป็นประธานในการเปิดการอบรมหลักสูตร "การพัฒนาศักยภาพพนักงานขับรถโดยสาร ด้านความปลอดภัย" (Safety Bus Thailand) ร่วมกับสมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทย มุ่งพัฒนาทักษะการเผชิญเหตุเพลิงไหม้และสถานการณ์ฉุกเฉินบนรถโดยสารไม่ประจำทาง มีเป้าหมายอบรมพนักงานขับรถโดยสารและผู้ประกอบการ รวม 240 คน โดยมี นายวสุเชษฐ์ โสภณเสถียร นายกสมาคมฯ ร่วมเป็นเกียรติในพิธี ณ ห้องชมัยมรุเชฐ สโมสรทหารบก ดร.ณฐา เน้นย้ำถึงความสำคัญของพนักงานขับรถมืออาชีพว่า การบริการรถทัวร์โดยสารต้องอาศัยพนักงานขับรถที่ได้รับการฝึกฝนและมีทักษะที่จำเป็น เพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยให้ผู้โดยสาร การเตรียมพร้อมในสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินได้อย่างมีประสิทธิภาพ นายวสุเชษฐ์ กล่าวว่าการร่วมมือครั้งนี้ ช่วยเพิ่มทักษะให้แก่ผู้เข้าอบรม เพื่อเตรียมพร้อมป้องกันอุบัติเหตุและลดการสูญเสีย พร้อมสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ใช้บริการรถโดยสาร ให้มั่นใจในความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โครงการนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของบริการรถโดยสารในประเทศไทย ทั้งยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับอุตสาหกรรมขนส่งสาธารณะ และเพิ่มความมั่นใจแก่ประชาชนผู้ใช้บริการในอนาคต ภายหลังจากได้ผ่านการอบรมและทำแบบทดสอบ ผู้ผ่านการประเมินจะได้รับหนังสือรับรองสมรรถนะ ในสาขาวิชาชีพการบรรเทาสาธารณภัย สาขากู้ชีพ อาชีพนักกู้ชีพ ระดับ 3 สาขาดับเพลิง อาชีพนักดับเพลิงระดับ 4 เพื่อเป็นเครื่องยืนยัน สมรรถนะและทักษะความสามารถต่อไปอีกด้วย

นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ร่วมเป็นวิทยากรในงาน 2024 Asia ATP Conference ที่โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ ซึ่งจัดขึ้นเพื่อแลกเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติที่ดีเกี่ยวกับการประเมินจากประเทศต่างๆ โดยได้รับเชิญบรรยายในหัวข้อ Digital Empowerment for Inclusion and Lifelong Learning ในการนี้ได้ยกตัวอย่างการพัฒนาสมรรถนะดิจิทัล เพื่อให้กำล้งคนสามารถทำงาน และเข้าถึงบริการต่างๆ ในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล อาทิ บริการทางการเงิน สุขภาพ การเข้าถึงข้อมูล เป็นต้น นอกจากนี้ ได้บรรยายเกี่ยวกับการใช้ E-Workforce Ecosystem Platform หรือ EWE ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอัจฉริยะแห่งการเรียนรู้ พัฒนาศักยภาพ เข้าถึงโอกาสในการฝึกอบรมและการจ้างงาน

สคช.เดินหน้ายกระดับบุคลากรในอุตสาหกรรมการผลิตแม่พิมพ์โลหะ และหุ่นยนต์ระบบอัตโนมัติ นายนิธิวัชร์ ศิริปริยพงศ์ รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ พร้อมคณะ เข้าพบ Mr.Victor Chung ประธานบริษัท จินป่าว พรีซิชั่น อินดัสทรี่ จำกัด และ นายธนวิศิษฎ์ อยู่ยอด ผู้จัดการ Lean Transformation เพื่อหารือแนวทางการพัฒนาและส่งเสริมบุคลากรในสถานประกอบการให้ได้รับคุณวุฒิวิชาชีพ ในสาขาวิชาชีพอุตสาหกรรมการผลิตแม่พิมพ์ และสาขาวิชาชีพหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ โดยผู้บริหาร บริษัท จินป่าว พรีซิชั่น อินดัสทรี่ จำกัด ให้ความสนใจที่จะร่วมผลักดัน พัฒนาเพื่อยกระดับสมรรถนะ ทักษะ ของบุคลากรให้ได้รับการรับรองคุณวุฒิวิชาชีพ เนื่องจากช่างในสายการผลิตจำนวนมาก มีประสบการณ์การการทำงานสูง และไม่มีวุฒิทางด้านการศึกษาที่ตรงกับงานที่ทำในปัจจุบัน จึงอยากสร้างแรงจูงใจ ให้เกิดความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตนเองต่อไป Mr.Victor Chung ยังได้นำเยี่ยมชม ภายในโรงงานและสายการผลิต ซึ่ง บริษัท จินป่าว พรีซิชั่น อินดัสทรี่ จำกัด เป็นผู้นำด้านการขึ้นรูปโลหะด้วยเทคโนโลยีเครื่องจักรที่ทันสมัย อันดับต้นๆของประเทศ มีการผลิตแม่พิมพ์ชิ้นส่วนยานยนต์และเครื่องบิน ชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ นำเข้า และส่งออก ปัจจุบันมีพนักงานกว่า 1,200 คน ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบางปู จังหวัดสมุทรปราการ

ดร.ณฐา จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (สคช.) เข้าพบหารือนางสาวนุจรี ภักดีเจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหาร กลุ่มงานธุรกิจรายย่อย และนางสาวต่วนซาลีนา กูบาฮา ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายนโยบายรัฐ ธนาคารอิสลาม ถึงแนวทางการทำงานร่วมกัน ซึ่งทั้ง 2 หน่วยงานเห็นตรงกันในเรื่องการให้โอกาสกับคนไทย โดยเฉพาะในกลุ่มจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งในเรื่องการรับรองความรู้ ความสามารถ และการให้โอกาสด้านเงินทุน ซึ่ง สคช. มีการขับเคลื่อนการทำงานภายใต้โครงการยกระดับบุคลากรสู่อาชีพเชฟฮาลาลอาหารไทยอยู่ จึงเป็นโอกาสดีให้ทำงานร่วมกันได้ นางสาวนุจรี มองว่าแนวทางการทำงานของสถาบันเป็นเรื่องที่ดี และสอดรับกับการทำงานของธนาคารอิสลาม ที่สามารถใช้ประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพ เป็นเอกสารยืนยันความสามารถตัวบุคคลเพื่อใช้ในการประกอบการพิจารณาสินเชื่อ รวมถึงแนวทางที่สถาบันให้ความรู้ในเรื่องอาชีพทางรอด ต่อยอดอาชีพทางเลือกในการอบรมโครงการต่างๆ ที่ สคช. ดำเนินการที่ผ่านมา ซึ่งเห็นว่าเป็นเรื่องน่าสนใจและมีประโยชน์ต่อผู้ที่เข้าอบรมเป็นอย่างยิ่ง

สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) จัดประชุมระดมความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญในแวดวงการดูแลสัตว์เลี้ยง ทั้งจากภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษา เพื่อกำหนดแนวทางในการจัดทำมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพ สำหรับสาขาวิชาชีพธุรกิจบริการ สาขาการดูแลสัตว์เลี้ยง อาชีพพนักงานอาบน้ำและตัดขนสัตว์เลี้ยง โดยมีองค์กรและสถาบันสำคัญร่วมให้ข้อมูลและข้อเสนอแนะ อาทิ กรมอนามัย มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ โรงพยาบาลสัตว์เมืองเอก โรงเรียนฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร สมาคมเทคนิคการสัตวแพทย์แห่งประเทศไทย และชมรมพัฒนาช่างตัดแต่งขนสุนัข การพัฒนามาตรฐานอาชีพนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มศักยภาพและทักษะของบุคลากรในอาชีพดูแลสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะพนักงานที่ทำหน้าที่อาบน้ำและตัดขนสัตว์เลี้ยง ให้มีความเป็นมืออาชีพและได้รับการรับรองคุณวุฒิวิชาชีพ ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับเจ้าของสัตว์เลี้ยงถึงการบริการที่มีคุณภาพและมาตรฐาน ปัจจุบัน โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อเป็นสถานประกอบการแห่งแรกที่มีมาตรฐานอาชีพอาบน้ำ-ตัดขนสัตว์ที่ได้รับการรับรองจากสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ โดยได้นำมาตรฐานนี้ไปพัฒนาให้พนักงานในเครือข่ายได้รับการรับรองสมรรถนะการทำงานด้วยคุณวุฒิวิชาชีพ ซึ่งไม่เพียงเสริมความมั่นคงและภาคภูมิใจให้แก่พนักงาน แต่ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจให้แก่ลูกค้าที่มาใช้บริการอีกด้วย

สคช.หารือ ก.อุตสาหกรรม เดินหน้าโครงการหนึ่งหมู่บ้าน หนึ่งเชฟอาหารไทย นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ และคณะผู้บริหาร เข้าพบหารือร่วมกับ นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาราชการแทน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และผู้บริหารจากกระทรวงอุตสาหกรรม ถึงแนวทางการเดินหน้าโครงการหนึ่งหมู่บ้าน หนึ่งเชฟอาหารไทย ซึ่ง สคช. ร่วมเป็นหนึ่งในคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ รวมถึงอยู่ในคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ด้านอาหารด้วย ซึ่งล่าสุดเตรียมดำเนินการจัดอบรมเชฟอาหารไทยผ่านโครงการหนึ่งหมู่บ้าน หนึ่งเชฟอาหารไทย ผ่านหลักสูตร ผู้ประกอบอาหารไทยมืออาชีพ และคาดว่าจะเริ่มจัดอบรมรุ่นแรกในช่วงต้นปี 2568 เป็นต้นไป โดยโครงการหนึ่งหมู่บ้าน หนึ่งเชฟอาหารไทย ได้มีการจัดทำหลักสูตรอบรมมีเป้าหมายเพื่อช่วยสร้างผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมอาหารของไทยให้มีศักยภาพ สามารถแข่งขันในตลาดโลกปัจจุบันได้ อีกทั้งเป็นการเสริมความรู้ ยกระดับผู้อยู่ในวิชาชีพให้มีสมรรถนะสูงขึ้น ต่อยอดฐานกำลัง และยังเป็นการยกระดับแรงงานคุณภาพ สร้างบุคลากรสำหรับอุตสาหกรรมอาหารไทย ให้มีองค์ความรู้และทักษะที่เชี่ยวชาญ เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ และผู้ที่ผ่านการอบรมหลักสูตร ผู้ประกอบอาหารไทยมืออาชีพ จะได้รับหนังสือรับรองสมรรถนะจาก สคช. และยังเป็นการตอบโจทย์ซอฟต์พาวเวอร์อย่างเป็นรูปธรรม

สคช.ร่วมงานธนาคารออมสิน มอบรางวัล Best of the Best ระดับประเทศ ในโครงการออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่น ปี 2567 ของพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากสู่ความยั่งยืน นายนิธิวัชร์ ศิริปริยพงศ์ รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ร่วมงานมอบโล่เกียรติยศ Best of the Best ออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่น ประจำปี 2567 ของอธนาคารออมสิน ณ โรงแรมแกรนด์ริชมอนด์ จ.นนทบุรี โดยมี นายศักดิ์สิทธิ์ สุนทรกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการธนาคารออมสิน สายงานพัฒนาธุรกิจผู้ประกอบการรายย่อยและ SMEs Start Up เป็นประธานในพิธี มีสถาบันอุดมศึกษาเข้าร่วมโครงการในปีนี้จำนวน 67 แห่ง และมีทีมที่เข้ารอบสุดท้ายจำนวน 12 ทีม แบ่งรางวัลเป็น 6 ประเภท โดยรางวัลชนะเลิศ ประเภทกินดี ได้แก่ ทีมจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้, รางวัลชนะเลิศประเภทอยู่ดี ได้แก่ ทีมจากมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, รางวัลชนะเลิศประเภทสวยดี ได้แก่ ทีมจากมหาวิทยาลัยเทคโยโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์, รางวัลชนะเลิศประเภทใช้ดี ได้แก่ ทีมจากมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา, รางวัลชนะเลิศประเภทรักษ์ดี ได้แก่ ทีมจากมหาวิทยาลัยทักษิณ และ รางวัลชนะเลิศประเภทคิดดี ได้แก่ ทีมจากมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย โครงการออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่น จัดขึ้นเป็นปีที่ 8 มุ่งหวังที่จะเสริมสร้างพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่นร่วมกับนักศึกษาจากสถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศ ให้ร่วมคิด ร่วมทำ บูรณาการภูมิปัญญา นำวิทยาการกระบวนการทำงานสมัยใหม่ ไปยกระดับขีดความสามารถกลุ่มองค์กรชุมชนที่รวมตัวกันสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการ ให้มีศักยภาพ มีมูลค่าเพิ่ม แข่งขันในตลาดได้ ทั้งนี้ สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ได้ร่วมเป็นภาคีเครือข่ายกับธนาคารออมสินร่วมพัฒนาทักษะกำลังคนทุกๆอาชีพ เพื่อให้ได้รับการรับรองสมรรถนะ และสามารถนำคุณวุฒิวิชาชีพที่ได้รับมาเป็นใบเบิกทางเข้าสู่แหล่งทุนโดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อย และ SMEs เป็นต้น

สคช. ร่วมมอบคุณวุฒิวิชาชีพการันตีควาญช้าง กลางพิธีแต่งงานช้าง ณ วังช้างอยุธยา นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ มอบประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพ ให้กับควาญช้าง ประจำวังช้างอยุธยา แล เพนียด จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ผ่านการประเมินสมรรถนะของบุคคลตามมาตรฐานอาชีพ สาขาวิชาชีพการท่องเที่ยว การโรงแรม ภัตตาคารและร้านอาหาร สาขาการจัดการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ อาชีพควาญช้าง จำนวน 24 คน โดยมี นายลายทองเหรียญ มีพันธ์ ผู้อำนวยการวังช้างอยุธยา แลเพนียด ประธานมูลนิธิพระคชบาล ร่วมแสดงความยินดี นางสาวจุลลดา คาดหวังว่าการรับรองในครั้งนี้จะยกระดับอาชีพควาญช้างให้มีคุณค่า สามารถพัฒนาศักยภาพและสมรรถนะในการเลี้ยงช้างให้เป็นมืออาชีพ ตลอดจนสามารถต่อยอด พัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ประกอบอาชีพควาญช้างให้มีความมั่นคงและยั่งยืน เพราะควาญช้างก็เปรียบเหมือนทูตการท่องเที่ยวที่ร่วมเผยแพร่ Soft Power ของไทย ที่นักท่องเที่ยวให้ความชื่นชอบและรักช้างไทย การดูแลช้างอย่างมีมาตรฐานจะยิ่งสร้างความมั่นใจได้ว่าประเทศไทยมีการดูแลช้างอย่างดีโดยควาญที่มีคุณภาพ นางสาวจุลลดา และคณะยังได้ร่วมในขบวนแห่ขันหมาก ในงานคชสารสยุมพร หรืองานแต่งช้างแฝด พลายสรรพลักษณ์โสภณ และพังสกลลักษณ์โสภิต ลูกแฝดของแม่พังจามจุรี ซึ่งมีพิธีใส่บาตรพระสงฆ์ จำนวน 9 รูป แห่ขบวนขันหมาก และพิธีแต่งงาน คล้องมาลัย คล้องสายมงคล รดน้ำพระพุทธมนต์ อำนวยพรช้างแฝดอีกด้วย เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ลูกช้างแฝดประจำวังช้างอยุธยาด้วย

สคช. ยกระดับกำลังคนในอาเซียน! มอบประกาศนียบัตรครูฝึกก่อสร้าง เพิ่มศักยภาพทักษะสู่มาตรฐานอาชีพไทย สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ร่วมกับพันธมิตรระดับนานาชาติจัดพิธีมอบประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพแก่ครูฝึกก่อสร้างสังกัดกระทรวงแรงงานและอาชีวศึกษาของกัมพูชา จำนวน 20 คน โดยมีนายนคร ศิลปอาชา ประธานกรรมการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ และนางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ พร้อมด้วยผู้แทนจากองค์กรพันธมิตร อาทิ กรมความร่วมมือระหว่างประเทศ (TICA), องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM), สภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทย, และบริษัท ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด เครือซิเมนต์ไทย (SCG) เข้าร่วมงาน นายนคร กล่าวถึงความสำคัญของโครงการในการพัฒนาครูฝึกให้มีทักษะมาตรฐานด้านเทคนิค ตามหลักการ TVET Trainer พร้อมขอบคุณความร่วมมือจากองค์กรต่างๆ ที่เข้ามาร่วมกันสนับสนุนโครงการนี้ ซึ่งมีเป้าหมายเสริมสร้างศักยภาพและมาตรฐานของกำลังคนในกลุ่มอาชีพก่อสร้างให้มีคุณภาพตรงตามมาตรฐานของไทย ด้านนางสาวจุลลดา เน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาทักษะของครูฝึกก่อสร้างที่จะมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาศักยภาพบุคลากรในสาขาวิชาชีพอุตสาหกรรมก่อสร้าง โดยหวังว่าครูฝึกก่อสร้างผู้ที่ได้รับประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพจะนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับกลับไปถ่ายทอดให้แก่ช่างก่อสร้างและบุคลากรในกัมพูชา เพื่อเสริมสร้างศักยภาพกำลังคนที่มีความสามารถและได้มาตรฐานในการทำงานในประเทศไทยอย่างถูกต้องตามความต้องการของผู้ประกอบการ นอกจากนี้ นางพิมพ์วดี โสวรัตนพงศ์ รองอธิบดีรักษาราชการแทนอธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศกล่าวขอบคุณในความร่วมมือของทุกฝ่ายจนโครงการประสบความสำเร็จ หวังว่าจะมีการขยายผลต่อ และพร้อมในการสนับสนุนในการพัฒนาศักยภาพกำลังคนที่เป็นประโยชน์เช่นนี้ต่อไป ด้านนางเจอรัลดีน อองซาร์ค หัวหน้าสำนักงาน IOM ในประเทศไทย ยังได้กล่าวแสดงความยินดีกับผู้สำเร็จการฝึกอบรมที่สามารถนำประสบการณ์จากการอบรมไปแบ่งปันและพัฒนาทักษะในประเทศของตน ทางด้านผู้ประกอบการที่มีส่วนสำคัญในการรับบุคลากรมาทำงาน และอยากได้แรงงานที่มีทักษะลดค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม และเกิดปัญหาค่าตอบแทนที่เท่ากันของคนที่มีทักษะและไม่มีทักษะ โดยนายธีระยุทธ พันธ์มีเชาว์ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การบริการด้านเทคนิค ซีแพค กล่าวถึงความสำคัญในการยกระดับการทำงานของช่างในอาชีพก่อสร้าง และเชื่อถึงศักยภาพของคนทั้งคนไทยและคนในอาเซียนที่จะสามารถพัฒนาตนเอง และเพิ่มทักษะให้ดีขึ้น ด้านนางสิริวัน ร่มฉัตรทอง เลขาธิการ สภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทย บอกว่าแรงงานกรรมกร ที่เป็นคนต่างชาติที่เข้ามาในไทยจะเป็นกลุ่มไม่มีทักษะ เมื่อผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SMEs รับเข้าทำงาน เกิดความเหลื่อมล้ำที่ทั้งคนที่มีทักษะและไม่มีทักษะกลับได้ค่าตอบแทนเท่ากัน ทำให้เกิดแนวคิดในการพัฒนาทักษะโดยเฉพาะช่างก่อสร้างให้มีทักษะตามมาตรฐานตรงตามที่ผู้ประกอบการต้องการ ในการอบรมครั้งนี้ สคช. ได้รับการสนับสนุน ครูฝึกจาก WorldSkills Thailand ตราเสือ มาถ่ายทอดความรู้เชิงปฏิบัติให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรม พร้อมทั้งได้เรียนรู้เทคโนโลยีและมาตรฐานอาชีพใหม่ๆ และได้รับประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพในสาขาวิชาชีพอุตสาหกรรมก่อสร้างและผังเมือง สาขางานก่อสร้างฐานรากและโครงสร้างอาคาร อาชีพช่างก่ออิฐ ระดับ 3 อาชีพช่างฉาบปูน ระดับ 3 และสาขาวิชาชีพบริการการศึกษา วิจัย และภาษา อาชีพครูฝึกในสถานประกอบการ ระดับ 4 ที่ จะสามารถนำความรู้ไปพัฒนาและเผยแพร่ให้แก่บุคลากรในกัมพูชา เป็นแนวทางการดำเนินงานของสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ที่เน้นการพัฒนากำลังคนในภูมิภาคอาเซียนให้ตรงตามมาตรฐานวิชาชีพของไทยอย่างยั่งยืน

ดร.ณฐา จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ร่วมมอบกระเช้าดอกไม้แสดงความยินดีเนื่องในโอกาสครบรอบวันสถาปนาธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ปีที่ 59 ณ โถงชั้น 2 อาคารทาวเวอร์ ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่ โอกาสนี้ได้พบปะพูดคุยกับนายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ซึ่งสคช.จะได้มีโอกาสสร้างความร่วมมือกับ ธ.ก.ส. เกี่ยวกับการพัฒนาทักษะเกษตรกร และเปิดโอกาสให้มีการนำคุณวุฒิวิชาชีพไปใช้ประโยชน์ด้านการเข้าถึงแหล่งเงินทุนต่อไป

ดร.ณฐา จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ พบหารือ ดร.ช่อทิพย์ สักกวาที บริษัท เอ็สเตลล่า จำกัด ผู้นำเข้าไวน์แบรนด์ Estella wine เกี่ยวกับแนวทางการจัดทำหลักสูตรที่มีมาตรฐานเพื่อให้ความรู้ และนำไปพัฒนาบุคลากรที่จะเข้าสู่อุตสาหกรรมนำเข้าไวน์ ซึ่งมีความจำเป็นจะต้องมีความรู้ ทักษะ และ สามารถถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับไวน์ได้ ตั้งแต่กระบวนการควบคุมการผลิต การจัดเก็บบรรจุภัณฑ์ การนำเข้าไป จนถึงการเป็นผู้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับไวน์แก่ลูกค้า โดยดร.ช่อทิพย์ กล่าวถึงความต้องการที่จะมีความร่วมมือกับสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ในฐานะหน่วยงานที่จัดทำมาตรฐานอาชีพของประเทศไทยที่มีมาตรฐานอาชีพกว่า 1,000 อาชีพ เพื่อมุ่งเน้นการให้ความรู้เกี่ยวกับไวน์ในทุกมิติ อย่างไรก็ตาม บริษัท เอ็สเตลล่า จำกัด และบริษัท Global Vineyards เป็น 2 บริษัทผู้นำเข้าไวน์เบอร์กันดีของประเทศไทย จึงต้องการให้มีหลักสูตรและนำไปสู่การจัดทำมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพที่เป็นสากลต่อไป ซึ่งปัจจุบันในประเทศไทย มีสถาบันที่เปิดสอนหลักสูตรประกาศนียบัตรความรู้เกี่ยวกับไวน์ คือ เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต และ APBA (ASEAN Professional Beverage Academy)

สคช. ปั้นครูฝึกก่อสร้าง เสริมทักษะตามมาตรฐานอาเซียน ผลักดันการสร้างกำลังคนสู่ตลาดไทย นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ร่วมสังเกตการณ์การฝึกอบรมครูฝึกสาขาก่อสร้าง จำนวน 20 คน จาก 20 จังหวัดทั่วประเทศกัมพูชา ณ สถาบันเทคโนโลยีพื้นและผนัง ตราเสือ จังหวัดสระบุรี ซึ่งอยู่ในเครือซิเมนต์ไทย (SCG) ภายใต้โครงการฝึกอบรมครูฝึกสาขาก่อสร้าง สังกัดกระทรวงแรงงานและอาชีวศึกษากัมพูชา ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ นางสาวจุลลดา ระบุถึงความสำคัญของการพัฒนาทักษะครูฝึกในสาขาก่อสร้าง โดยครูเหล่านี้จะนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับกลับไปถ่ายทอดให้แก่ช่างก่อสร้างและบุคลากรในกัมพูชา เพื่อเสริมสร้างศักยภาพกำลังคนที่มีความสามารถและได้มาตรฐานในการทำงานในประเทศไทยอย่างถูกต้องตามความต้องการของผู้ประกอบการ การฝึกอบรมครั้งนี้ ผู้เข้ารับการฝึกอบรมจะได้เรียนรู้และฝึกปฏิบัติตามมาตรฐานอาชีพเพื่อให้ได้รับใบประกาศคุณวุฒิวิชาชีพ สาขาวิชาชีพอุตสาหกรรมก่อสร้างและการผังเมือง สาขางานก่อสร้างฐานราก และโครงสร้างอาคาร อาชีพช่างก่ออิฐ ระดับ 3 อาชีพช่างฉาบปูน ระดับ 3 และสาขาวิชาชีพบริการการศึกษา วิจัย และภาษา อาชีพครูฝึกในสถานประกอบการ ระดับ 4 อีกทั้งยังได้ศึกษาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในสาขาก่อสร้าง โดยมีครูฝึกจาก WorldSkills Thailand ตราเสือ เป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ การฝึกอบรมในครั้งนี้ถือเป็นการอบรมตามหลักการ TVET Trainer ซึ่งจำเป็นต้องมีสมรรถนะด้านเทคนิค ตามมาตรฐานอาชีพ และสมรรถนะการถ่ายทอด ซึ่งส่งผลให้ผู้ประกอบการไทยได้กำลังคนตรงตามความต้องการและมีทักษะตามมาตรฐานอาชีพไทย

นายนิธิวัชร์ ศิริปริยพงศ์ รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เข้าร่วมพิธีประดับเข็มบุรฉัตร ให้กับผู้ทำคุณประโยชน์ให้แก่ค่ายกำแพงเพชรอัครโยธิน และเหล่าทหารสื่อสาร ณ อาหารอเนกประสงค์ ค่ายกำแพงเพชรอัครโยธิน จังหวัดสมุทรสาคร ในพิธีประดับเข็มบุรฉัตรให้กับผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับเหล่าทหารสื่อสาร เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากรมทหารสื่อสารที่ 1 ครบรอบปีที่ 36 โดยมี พันเอกวชิรพงษ์ ธนพรชัยวงษ์ ผู้บังคับการกรมทหารสื่อสารที่ 1 เป็นประธานในพิธี เข็มบุรฉัตร เป็นตราประจำราชสกุล ของ พลเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ผู้ทรงเป็น "พระบิดาเหล่าทหารสื่อสาร" ทรงประกอบพระกรณียกิจอันเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาตินานัปการ การมอบเข็มบุรฉัตรจึงมอบแก่ผู้ที่ประกอบคุณงามความดี บำเพ็ญประโยชน์ ให้แก่ทางราชการทหารสื่อสาร

สคช. จับมือ Wefly International Academy อบรมบุคลากรอาชีพช่างซ่อมอากาศยาน ผลักดันเข้าเกณฑ์มาตรฐานสากล EASA หวังป้อนสู่ตลาดอุตสาหกรรมการบินที่กำลังขาดแคลน ขณะเดียวกันเร่งผลักดันครูฝึกในสถานประกอบการ เน้นขยายผลสู่ภาคการศึกษา นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ พร้อมด้วยคุณ Jessica Chang กรรมการผู้จัดการ บริษัท วีฟลาย แอโร จำกัด คณะผู้บริหาร และผู้แทนจากสำนักงบประมาณ ลงพื้นที่สนามบินโพธาราม จ.ราชบุรี สังเกตการณ์และให้กำลังใจผู้เข้าอบรมในโครงการฝึกอบรมเพื่อยกระดับสมรรถนะกำลังคนในสาขาอาชีพช่างอากาศยานและอาชีพครูฝึกในสถานประกอบการ จำนวน 40 คน ซึ่งสคช. ดำเนินการร่วมกับมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญและ บริษัท วีฟลาย แอโร จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญและได้รับการรับรองจาก EASA (European Union Aviation Safety Agency) ในการจัดการฝึกอบรมที่เกี่ยวข้องกับการบำรุงรักษาอากาศยานและการฝึกอบรมอาชีพครูฝึกในสถานประกอบการ ซึ่งในส่วนที่เป็น Maintenance Training Organisation (MTO) อบรม 3 วัน ณ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ และการอบรมภาคปฏิบัติ ( MRO Maintenance Repair and Overhaul) อีก 3 วัน ที่โพธาราม แบ่งกลุ่มการปฏิบัติ ออกเป็น 3 รอบ ประกอบด้วย 1.landing gear 2.air frame 3.engine ซึ่งมีวิทยากรเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในอาชีพช่างซ่อมอากาศยาน มาให้ความรู้ตามเกณฑ์ที่จำลองสถานการณ์จาก EASA Standard และเมื่อจบการอบรมทุกคนจะได้มีโอกาสในการประเมินสมรรถนะของบุคคลตามมาตรฐานอาชีพของ สคช.ด้วย และที่สำคัญบริษัท วีฟลาย แอโร จำกัด จะสนับสนุนผู้ที่ผ่านการประเมินให้มีโอกาสเข้าไปทดสอบตามมาตรฐาน EASA ด้วย นางสาวจุลลดากล่าวว่า โครงการนี้เกิดขึ้นจากความต้องการที่จะพัฒนากำลังคนด้านอากาศยาน ซึ่งสคช.ได้รับงบประมาณจากกระทรวงอุตสาหกรรม และสถาบันมุ่งเป้าที่จะต่อยอดเทรนเดอะเทรนเนอร์ที่ผ่านกระบวนการฝึกอบรมในครั้งนี้ ให้สามารถเป็นต้นแบบและนำไปถ่ายทอดให้กับนักศึกษาในสาขาที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมช่างซ่อมอากาศยานและครูฝึกในสถานประกอบการ ทั้งในระดับอาชีวศึกษา และอุดมศึกษาต่อไป นางสาวธมลวรรณ ประสานพันธ์ ช่างอากาศยาน จาก บ.แอร์เอเชีย จำกัด 1 ในผู้เข้าร่วมโครงการนี้บอกว่า ต้องการที่จะพัฒนาตนเองให้มีทักษะที่แตกต่างจากงานประจำที่ทำอยู่ ที่สำคัญมองว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ลองทดสอบเกณฑ์ EASA ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่ทั่วโลกยอมรับ

ดร.ณฐา จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ พร้อมด้วย ดร.มะลิ จันทร์สุนทร ผู้อำนวยการสำนักรับรององค์กรรับรองและประเมินสมรรถนะของบุคคลหารือร่วมกับผู้บริหารวิทยาลัยเทคโนโลยีจรัลสนิทวงศ์ นำโดย นายจักรพันธ์ พรนิมิตร ประธานกรรมการบริหาร, ผศ.ดร.กรวิก พรนิมิตร ผู้จัดการ, นางนงเยาว์ เขียวมณี ผู้อำนวยการวิทยาลัย และหัวหน้าสาขาวิชาต่างๆ ที่วิทยาลัยเปิดสอน ทั้งในระดับ ปวช. และ ปวส. อาทิ สาขาการบัญชี, สาขาการท่องเที่ยว, สาขาภาษาต่างประเทศธุรกิจ(อังกฤษ-จีน), สาขาการจัดการธุรกิจค้าปลีก เป็นต้น การหารือดังกล่าว เพื่อวางแนวทางความร่วมมือในด้านต่างๆ ในการนำมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพไปใช้ประโยชน์ เพื่อการพัฒนาบุคลากรและพัฒนาหลักสูตรที่สอดคล้องกับมาตรฐานอาชีพ การเป็นองค์กรรับรองที่มีหน้าที่ประเมินสมรรถนะของบุคคลตามมาตรฐานอาชีพต่อไป

สคช.ปลื้มผู้บริหารกลุ่มมิตรผล ยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรมน้ำตาล หนุนพนักงานยกระดับพัฒนาตัวเองด้วยคุณวุฒิวิชาชีพ ปรับค่าตอบแทนให้หากผ่านการประเมินคุณวุฒิวิชาชีพ ล่าสุดผ่านการประเมินแล้วกว่า 150 คน ทั้งในสาขาอุตสาหกรรมน้ำตาล และสาขาเทคโนโลยีการเกษตร นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ พร้อมคณะผู้บริหาร ร่วมงานยกระดับมาตรฐานวิชาชีพและพิธีมอบประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพ สาขาเทคโนโลยีการเกษตร และ สาขาอุตสาหกรรมน้ำตาล ประจำปี 2567 ซึ่งจัดขึ้นที่โรงงานน้ำตาลมิตรภูเขียว อ.ภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ โดยมี คณะผู้บริหารกลุ่มมิตรผล นำโดย นายอาณัติ ยศปัญญา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานโรงงาน, นายคำสี แสนศรี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานอ้อย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1, นายสุเทพ สาสังข์ ผู้อำนวยการด้านทรัพยากรบุคคลกลุ่มงานอ้อยและโรงงาน และนายรังสิต เฮียงราช ผู้อำนวยการบริษัท ไทยชูการ์ มิลเลอร์ จำกัด ให้การต้อนรับและร่วมในพิธีมอบประกาศนียบัตรคุณวุฒวิชาชีพ โดยกลุ่มมิตรผลเป็นสถานประกอบการด้านอุตสาหกรรมน้ำตาล ที่ได้ร่วมกับสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) จัดทำโครงการนำมาตรฐานอาชีพมาเป็นแนวทางพัฒนาบุคลากรในสถานประกอบการของกลุ่มมิตรผล โอกาสนี้ นางสาวจุลลดาได้มอบหนังสือรับรองมาตรฐานอาชีพในสถานประกอบการให้กับผู้บริหารกลุ่มมิตรผล พร้อมทั้ง ร่วมมอบประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพแก่พนักงานกลุ่มมิตรผล รวม 156 คน ประกอบด้วย สาขาเทคโนโลยีการเกษตร อาชีพผู้ควบคุมรถแทรคเตอร์ และอาชีพผู้ควบคุมรถตัดอ้อยระดับ 4 จำนวน 68 คน และ สาขาอุตสาหกรรมน้ำตาล ซึ่งเป็นการประเมินสมรรถนะฯ โดย บริษัท ไทยชูการ์มิลเลอร์ จำกัด ในฐานะองค์กรที่มีหน้าที่รับรองสมรรถนะของบุคคลตามมาตรฐานอาชีพ ในอาชีพช่างลูกหีบ ระดับ 4 – 5, อาชีพช่างหม้อต้ม ระดับ 4– 5, อาชีพช่างพักใส คุณวุฒิวิชาชีพระดับ 4– 5, อาชีพช่างหม้อเคี่ยว ระดับ 4– 5, อาชีพช่างหม้อปั่น ระดับ 4– 5, อาชีพช่างน้ำตาลรีไฟน์ ระดับ 4– 5, อาชีพช่างอบแห้งน้ำตาล ระดับ 4– 5, อาชีพผู้ควบคุมคุณภาพในอุตสาหกรรมน้ำตาล ระดับ 4 – 5 จำนวน 88 คน นางสาวจุลลดายังได้กล่าวขอบคุณผู้บริหารกลุ่มมิตรผลที่มีวิสัยทัศน์ในการให้ความสำคัญกับการพัฒนาคนจนนำไปสู่ความเป็นสากล เป็นอุตสาหกรรมน้ำตาลขนาดใหญ่อันดับ 3 ของโลก ซึ่งไม่เพียงเฉพาะในอุตสาหกรรมน้ำตาลเท่านั้น แต่ยังถือเป็นการพัฒนาคนที่เพิ่มมูลค่าให้กับแรงงานในภาพรวมของประเทศด้วย ในงานครั้งนี้ ยังได้มีการเปิดโอกาสให้มีการแชร์ประสบการณ์จากพนักงานที่ได้รับคุณวุฒิวิชาชีพทั้ง 2 สาขา ซึ่งต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า คุณวุฒิวิชาชีพที่ได้รับนอกจากสร้างโอกาสในการพัฒนาตัวเองให้มากขึ้นแล้ว ที่สำคัญคือทางผู้บริหารได้เล็งเห็นความสำคัญด้วยการให้ค่าตอบแทนเป็นการTop Up แก่ผู้ที่ผ่านการประเมินสมรรถนะในระดับต่างๆ อีกด้วย ซึ่งทำให้ทุกคนรู้สึกมีแรงจูงใจในการพัฒนาตนเองจนนำไปสู่ผลลัพธ์ที่สูงขึ้นของบริษัทในทางอ้อม นอกจากนี้ นางสาวจุลลดาและผู้บริหารกลุ่มมิตรผลยังได้ชมนิทรรศการที่เกิดจากผลผลิตของพนักงานมืออาชีพในอุตสาหกรรมน้ำตาล และได้ลงพื้นที่ดูเครื่องมือและเทคโนโลยีในการใช้รถตัดอ้อยและรถแทรคเตอร์ ที่พนักงานทุกคนจะต้องเรียนรู้ผ่านระบบจำลอง Simulator ก่อนที่จะเข้าสู่การปฏิบัติงานในพื้นที่จริงอีกด้วย

สคช. ยกระดับวงการเสริมสวยไทย มอบประกาศนียบัตรและโล่เกียรติคุณบุคคลต้นแบบ การันตีด้วยประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพ นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เป็นประธานมอบใบประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพ ให้กับผู้ผ่านการประเมินสมรรถนะของบุคคลตามมาตรฐานอาชีพ ในสาขาวิชาชีพธุรกิจเสริมสวยและเสริมสร้างสุขภาพร่างกาย ประกอบด้วย สาขาผู้สอนเสริมสวย อาชีพผู้สอนแต่งหน้า, อาชีพผู้สอนสักคิ้ว , อาชีพผู้สอนทําเล็บ, อาชีพผู้สอนทําผมสตรี และอาชีพผู้สอนต่อขนตา จำนวน 45 คน สาขาธุรกิจเสริมสวย อาชีพช่างสักคิ้ว, อาชีพช่างทําเล็บ, อาชีพช่างทําผมบุรุษ-สตรี, อาชีพช่างต่อขนตา จำนวน 116 คน และมอบโล่รางวัลบุคคลดีเด่นทางด้านเสริมสวยและความงาม ประจำปี 2567 ประเภทบุคคลต้นแบบวิชาชีพ (เสริมสวย ความงาม บาร์เบอร์) จำนวน 63 คน โดยมี นายพรชัย พิศาลสิษฐ์กุล นายกสมาคมโรงเรียนเสริมสวยและตัดเย็บเสื้อผ้า และนายกสมาคมการศึกษาเอกชนนอกระบบ (ประเทศไทย) พร้อมคณะผู้บริหารและคณะครูผู้ฝึกสอนเสริมสวย ให้การต้อนรับ นางสาวจุลลดา กล่าวว่า ใบประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพเป็นมากกว่าการรับรอง แต่เป็นการสร้างเกียรติและคุณค่าให้กับผู้ประกอบอาชีพเสริมสวยทุกคน ให้มั่นใจได้ว่าทักษะของตนเองได้รับการยอมรับตามมาตรฐานสากล ซึ่งจะช่วยยกระดับอาชีพในธุรกิจเสริมสวยและส่งเสริมให้ผู้ประกอบการพัฒนาศักยภาพในการแข่งขัน และสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตในระยะยาวต่อไป นายพรชัย กล่าวถึงความตั้งใจของสมาคมในการสนับสนุนและยกระดับทักษะช่างเสริมสวยในทุกแขนง เล็งเห็นถึงความสำคัญในการสร้างมาตรฐานและพัฒนาฝีมือของช่างทุกคน เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันระดับสูงในอนาคต และให้วงการเสริมสวยไทยได้มีชื่อเสียงในระดับสากล นอกจากนี้ยังมีการมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ ผู้บริหารสถาบันดีเด่น ผู้สอนเสริมสวยดีเด่น และช่างเสริมสวยดีเด่น รวมกว่า 177 รางวัล ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของมาตรฐานในอาชีพเสริมสวย ซึ่งไม่เพียงสร้างความเชื่อมั่นในฝีมือ แต่ยังเป็นเครื่องหมายการันตีความสามารถที่ช่วยเปิดโอกาสใหม่ ๆ ในอาชีพ ยกระดับวงการเสริมสวยไทยให้ทัดเทียมมาตรฐานสากล รวมถึงเพิ่มความมั่นใจและสร้างความภาคภูมิใจให้กับผู้ที่อยู่ในอาชีพเสริมสวยในการเป็นมืออาชีพตัวจริงอีกด้วย

สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เข้าร่วมการประชุมประจำปี International Accreditation Forum และการประชุมคณะทำงานว่าด้วยมาตรฐาน ISO/IEC 17024 มุ่งเน้นการแลกเปลี่ยนวิธีปฏิบัติที่ดี การบูรณาการ AI ในกระบวนการรับรองบุคลากร และเตรียมพร้อมการเป็นเจ้าภาพการประชุมปีหน้า ดร.ณฐา จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เข้าร่วมประชุมประจำปีของ International Accreditation Forum (IAF) และการประชุมคณะทำงานว่าด้วยมาตรฐานการรับรองบุคลากร ISO/IEC 17024 ณ กรุงเบอร์ลิน สหพันธสาธารณรัฐเยอรมนี ซึ่งเป็นเวทีระดับสากลที่รวบรวมผู้นำด้านการรับรองจากทั่วโลก เพื่อแลกเปลี่ยนวิธีปฏิบัติที่ดีและหารือเกี่ยวกับการพัฒนาใหม่ๆ ในด้านการรับรองบุคลากร สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) เข้าร่วมการประชุมในฐานะที่เป็นหน่วยงานที่ทำงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการมาตรฐานแห่งชาติ เพื่อขับเคลื่อนและยกระดับการรับรองบุคลากรในประเทศไทยตามมาตรฐานอาชีพ ด้วยกระบวนการที่เป็นสากลตามมาตรฐาน ISO/IEC17024 และได้ร่วมคณะเข้าร่วมประชุมคณะทำงานด้านการรับรองบุคลากร IAG Working Group on Persons Certification ISO/IEC17024 และมีหน่วยงานด้านการรับรองมาตรฐานด้านอื่นๆ ของประเทศ เช่น สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ เข้าร่วมประชุมด้วย การเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว สอดคล้องกับพันธกิจในการยกระดับทักษะกำลังคนของประเทศไทย สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพได้จัดตั้งองค์กรที่มีหน้าที่รับรองสมรรถนะฯ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO/IEC 17024 จำนวน 6 หน่วยงานครอบคลุมหลากหลายสาขาวิชาชีพ อาทิ ธุรกิจเสริมสวยและเสริมสร้างสุขภาพร่างกาย ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อุตสาหกรรมดิจิทัล การบิน และเกษตรกรรม ซึ่งสถาบันฯ มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการใช้มาตรฐานระดับสากลเพื่อให้บุคลากรไทยสามารถแข่งขันในเวทีโลกได้อย่างมั่นใจ การประชุม IAF ในปีนี้มีการเน้นถึงการปรับปรุงมาตรฐาน ISO/IEC17024 โดยคำนึงถึงบทบาทที่เพิ่มขึ้นของเทคโนโลยี โดยเฉพาะปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในกระบวนการรับรองบุคลากร ซึ่งองค์กรต่างๆ ทั่วโลกเริ่มหันมาใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ซึ่งทุกหน่วยรับรองระบบงานของกว่า 50 หน่วยงานที่เข้าร่วมประชุม มีเป้าหมายที่จะศึกษาว่า AI สามารถถูกนำมาใช้เพื่อปรับปรุงความถูกต้อง ความรวดเร็ว และความเป็นธรรมในกระบวนการรับรองได้อย่างไร การปรับปรุงมาตรฐาน ISO/IEC 17024 เพื่อคำนึงถึง AI สะท้อนถึงความมุ่งมั่นระดับโลกในการสร้างนวัตกรรมและเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตของการทำงาน ทั้งนี้ ในปี 2568 การประชุม International Accreditation Forum ครั้งต่อไปจะจัดขึ้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งจะเป็นโอกาสสำคัญที่ประเทศไทยจะได้แสดงความก้าวหน้าในการรับรองมาตรฐานบุคลากรและแลกเปลี่ยนความรู้กับผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลก “การเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ทำให้สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของมาตรฐานสากลและนำวิธีปฏิบัติที่ดีที่สุดมาประยุกต์ใช้กับระบบคุณวุฒิวิชาชีพของประเทศไทย” ดร.ณฐา จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ กล่าว “เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ร่วมพูดคุยเกี่ยวกับการบูรณาการ AI เข้ากับกระบวนการของหน่วยรับรอง รวมทั้งมีความยินดีที่จะเชิญชวนผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลกมาร่วมประชุมที่ประเทศไทยในปีหน้า เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์อนาคตการทำงานที่ยั่งยืน” การเป็นเจ้าภาพการประชุมระดับนานาชาติในปีหน้าจะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทยในเวทีโลก และเปิดโอกาสให้อุตสาหกรรมในประเทศสามารถเชื่อมโยงกับมาตรฐานสากลได้มากขึ้น

สคช.ร่วมงาน “เรียนรู้ สร้างโอกาส เชื่อมโยงการศึกษากับอุตสาหกรรม” หนุนนักศึกษาสร้างทักษะให้ตรงความต้องการภาคอุตสาหกรรม ผ่านแพลตฟอร์ม EWE และชุดฝึกอบรมออนไลน์ E-Training นายนิธิวัชร์ ศิริปริยพงศ์ รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ร่วมงาน “เรียนรู้ สร้างโอกาส เชื่อมโยงการศึกษากับอุตสาหกรรม” ณ โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ ถนนรัชดาภิเษก โดยมี รศ.ดร.ฉัตรชาญ ทองจับ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาเทคนิคศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เป็นประธานเปิดงาน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษากับภาคอุตสาหกรรม, เสริมสร้างความรู้และทักษะที่จำเป็นในการประกอบอาชีพ และยังเป็นการส่งเสริมการพัฒนาหลักสูตรการศึกษาให้ตรงตามความต้องการของภาคอุตสาหกรรม โอกาสนี้ รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ได้ร่วมเวทีเสวนาพิเศษ หัวข้อ “สร้างโอกาสผู้เรียนสู่การเป็นมืออาชีพในอนาคต” ซึ่งมีวิทยากรจากทั้งภาคการศึกษาระดับอุมศึกษา, อาชีวศึกษา และตัวแทนจากภาคอุตสาหกรรม ได้แก่ รศ.ดร.สุรพันธ์ ยิ้มมั่น รองอธิการบดีฝ่ายส่งเสริมอุตสาหกรรม มทร.พระจอมเกล้าพระนครเหนือ, นายประทีป จุฬาเลิศ รองผู้อำนวยการสถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออก และ ดร.ปัญญาพล สุพรรณวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บ.เอส.เอ็ม.ซี (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม ร่วมในการเสวนา โดยมีหลากหลายประเด็นที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์ต่อนักศึกษา และสถานศึกษาที่จะต้องเตรียมตัวให้พร้อมในฐานะผู้ผลิตกำลังคนป้อนภาคอุตสาหกรรม ที่จำเป็นอย่างยิ่งว่าจะต้องตรงตามความต้องการของตลาดแรงงาน ซึ่งนอกจากฐานเงินเดือนปกติแล้ว สิ่งที่จะสามารถTop Up หรือเพิ่มมูลค่าในด้านค่าตอบแทนได้มาก คือทักษะที่จำเป็นในการทำงาน อาทิ IIOT, เทคโนโลยี 5G, ระบบRobotic และ Wireless Technology รวมถึง การมีทัศนคติเชิงบวกต่อการทำงาน เป็นต้น ซึ่ง สคช.ได้มีการแนะนำแพลตฟอร์มอัจฉริยะที่สามารถเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคนได้ในทุกระดับทุกช่วยวัย รวมถึง การนำมาตรฐานอาชีพไปใช้เป็นหลักสูตรสำหรับสถานประกอบการในการพัฒนาบุคลากรภายในให้มีศักยภาพ และเติบโตในสายอาชีพของตนเองอีกด้วย จากนั้น รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ได้มอบโล่เกียรติคุณ ให้กับหน่วยงานที่สนับสนุนการจัดฝึกอบรมและประเมินสมรรถนะบุคคลฯ ภายใต้โครงการพัฒนาสมรรถนะของผู้เรียนในทุกระดับให้ได้รับคุณวุฒิวิชาชีพและมีงานทำ, โล่เกียรติคุณให้กับหน่วยงานที่สนับสนุนการจัดฝึกอบรมและประเมินสมรรถนะบุคคลฯ ภายใต้โครงการยกระดับสมรรถนะกำลังคนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยมาตรฐานอาชีพ สาขายานยนต์ไฟฟ้า และ มอบประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพให้กับผู้ที่ผ่านการประเมินในสาขายานยนต์ไฟฟ้า อาชีพช่างเทคนิคซ่อมบำรุงรถยนต์ไฟฟ้า ระดับ 3 จำนวน 23 คน

นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการประสานงานด้านบริการอาเซียน (Coordinating Committee on Service : CCS) ครั้งที่ 108 และการประชุมคณะทำงาน สาขาขนส่งและโลจิสติกส์ (Logistics and Transport Services Sectoral Working Group : LTSSWG) ครั้งที่ 36 ณ ASEAN Secretariat กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย โดยการเข้าร่วมการประชุมคณะทำงานครั้งนี้ เป็นการหารือต่อเนื่องในประเด็นเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศในด้านการบริการขนส่งและโลจิสติกส์ การพัฒนาสมรรถนะของบุคลากรในสาขาวิชาชีพโลจิสติกส์ของประเทศสมาชิกอาเซียน โอกาสนี้ นางสาวจุลลดา ได้รายงานผลการดำเนินการศึกษาเบื้องต้นในการเทียบเคียงสมรรถนะตามมาตรฐานอาชีพ ในสาขาวิชาชีพโลจิสติกส์ ตัวอย่างอาชีพผู้ควบคุมคลังสินค้าและอาชีพผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ของประเทศไทยและประเทศสมาชิกอาเซียน รวมทั้งร่วมให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อที่ประชุมถึงแนวทางการดำเนินงานร่วมกันต่อไปในการพัฒนาด้านโลจิสติกส์ของกลุ่มประเทศสมาชิก ขณะเดียวกันได้ให้ข้อมูลตัวอย่างหลักสูตรภายใต้โครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษาอาเซียนระดับอุดมศึกษาของสถาบันการศึกษาในประเทศไทย โดยมีการแลกเปลี่ยนและแสดงความเห็นร่วมกัน เพื่อการพัฒนาด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ของประเทศสมาชิกอาเซียนต่อไปอีกด้วย

สคช. วางพวงมาลาพระบรมราชานุสรณ์  พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 เนื่องในวันปิยมหาราช ณ พระบรมราชานุสรณ์ พระลานพระราชวังดุสิต (ลานพระบรมรูปทรงม้า) นายนิธิวัชร์ ศิริปริยพงศ์ รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ นำคณะเจ้าหน้าที่สถาบัน ร่วมวางพวงมาลาเนื่องในวันปิยมหาราช หรือ วันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เพื่อแสดงออกถึงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย โดยบรรยากาศ ณ พระบรมราชานุสรณ์ พระลานพระราชวังดุสิต ยังมีหน่วยงานราชการต่างๆ และประชาชน ทุกหมู่เหล่าร่วมพิธีน้อมรำลึกในพระกรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวด้วย

ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เข้าร่วมงานประชุมนานาชาติเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ครั้งที่ 3 ณ อิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ร่วมการประชุมวิชาการนานาชาติ เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาครั้งที่ 3 ที่จัดขึ้นในหัวข้อ Remagining Education, Co-Creating Lifelong Learning for Youths and Adults เพื่อสร้างความตระหนักและนำไปสู่การแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับความเสมอภาคทางการศึกษาในระดับประเทศ ภูมิภาคและระดับนานาชาติ สะท้อนถึงกลยุทธ์ กลไกและแนวทางปฏิบัติที่เกิดขึ้นใหม่เพื่อส่งเสริมความเสมอภาคให้เกิดขึ้นในบริบทต่าง ๆ มีการแลกเปลี่ยนการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตและทักษะในศตวรรษที่ 21 โอกาสนี้ นางสาวจุลลดามีโอกาสได้พบหารือ คุณ Deni Puspa Purbasari Executive Director Indonesian Government Training scholarship program ที่ได้ร่วมนำเสนอและแชร์ประสบการณ์ของโปรแกรม Prakerja หรือ Kartu Prakerja ซึ่งเป็นโครงการที่ริเริ่มโดยรัฐบาลอินโดนีเซียและประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ในการให้ความช่วยเหลือทางด้านการพัฒนาทักษะและเงินทุนแก่ผู้ที่ว่างงาน และคนทำงานในอินโดนีเซีย ที่ได้รับผลกระทบจากช่วง covid-19 รวมถึงบุคคลที่ต้องการพัฒนาทักษะในการทำงานของตนเอง ซึ่งโครงการดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มโอกาสในการหางานและส่งเสริมการสร้างธุรกิจ ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกจะสามารถเข้าถึงหลักสูตรการฝึกอบรมออนไลน์หลากหลายสาขา เช่น เทคโนโลยี การตลาด และการเป็นผู้ประกอบการ จากนั้นเมื่อจบหลักสูตร ผู้เข้าร่วมจะได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลเพื่อช่วยเหลือในช่วงที่หางานหรือเริ่มธุรกิจใหม่ของตนเอง Prakerja จึงเป็นหนึ่งในโครงการที่ช่วยพัฒนาคุณภาพของแรงงานและส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตาม นางสาวจุลลดายังได้มีโอกาสแนะนำแพลตฟอร์มอัจฉริยะเพื่อการพัฒนากำลังคนของประเทศไทยที่สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ได้พัฒนาขึ้นเพื่อพัฒนากำลังคนของไทยและตอบโจทย์การเรียนรู้ตลอดชีวิต ซึ่งจะได้ศึกษาแนวทางของโครงการ Prakerja มาปรับใช้ในบริบทการพัฒนาคนของประเทศไทยต่อไปด้วย

นางสาวนฤมล พูลทรัพย์ ที่ปรึกษาสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เป็นผู้แทนสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ลงพื้นที่เยี่ยมสำรวจองค์กรนำร่องในการพัฒนาและส่งเสริมองค์กรคุณธรรมและการรับรององค์กรคุณธรรมในระบบคุณวุฒิวิชาชีพและการพัฒนา Plug in model ที่สอดคล้องกับกระบวนการรับรององค์กรคุณธรรม ร่วมกับศูนย์คุณธรรม(องค์การมหาชน) และ บริษัท โคจอย คอนซัลติ้ง จำกัด และ ณ มูลนิธิเด็กอ่อนในสลัม ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (สาขาเสือใหญ่) โดยมี รศ.กรรณิการ์ วิจิตรสุคนธ์ เลขาธิการ มูลนิธิเด็กอ่อนในสลัมฯ , คุณศีลดา รังสิกรรพุม ผู้จัดการมูลนิธิเด็กอ่อนในสลัมฯ และหัวหน้าศูนย์ในเขตพื้นที่กรุงเทพ สาขาศรีนครินทร์ , สาขาคลองเตย และสาขาอ่อนนุช รับการตรวจเยี่ยมพร้อมให้ข้อมูลที่เกี่ยวเนื่องในการดำเนินงานการเป็นองค์กรรับรองและการประเมินสมรรถนะบัคคลตามมาตรฐานอาชีพ และการร่วมผลักดันให้เกิดการนำคุณวุฒิวิชาชีพไปใช้ประโยชน์ ทั้งนี้การลงพื้นที่เยี่ยมสำรวจและเก็บข้อมูลครั้งนี้เป็นครั้งแรก ภายใต้ MOU ของสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) และองค์กรคุณธรรม (องค์การมหาชน) เพื่อทดลองใช้โมเดลการรับรององค์กรส่งเสริมคุณธรรมในระบบคุณวุฒิวิชาชีพ และเพื่อนำกระบวนการขั้นตอนต่างๆ มาปรับปรุงให้เหมาะสมกับการนำไปใช้จริง ซึ่งในปีงบประมาณ 2568 มีแผนในการขับเคลื่อนพัฒนาและส่งเสริมองค์กรคุณธรรม และการรับรององค์กรคุณธรรมในระบบคุณวุฒิวิชาชีพ ขององค์กรรับรอง(CB) และองค์กรหน่วยฝึกอบรม(TP) เพื่อผลักดันให้เกิดแนวทางและการรับรองเป็นองค์กรคุณธรรมในระบบคุณวุฒิวิชาชีพต่อไป

สคช. ประเดิมตลาดน้ำอัมพวา การันตีสตรีทฟู้ดมืออาชีพ ดร.ณฐา จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ นำทีมเชฟครัววันดี ร่วมกับเทศบาลตำบลอัมพวา โดยนายกฤตย มีทวี รองนายกเทศบาลตำบลอัมพวา มอบป้ายการันตีมืออาชีพ ให้พ่อค้า-แม่ค้า สตรีทฟู้ดอัมพวากว่า 200 คน ที่ผ่านการประเมินสมรรถนะของบุคคลตามมาตรฐานอาชีพ สาขาวิชาชีพการท่องเที่ยว การโรงแรม ภัตตาคารและร้านอาหาร อาชีพผู้ประกอบอาหารริมบาทวิถี ณ ตลาดน้ำอัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ดร.ณฐา กล่าวว่า การรับรองมืออาชีพเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยยกระดับสตรีทฟู้ดในแหล่งท่องเที่ยว โดยเฉพาะตลาดอัมพวานับเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะสตรีทฟู้ดถือเป็นเสน่ห์การท่องเที่ยวไทย และเป็น Soft Power ของไทย การรับรองคุณวุฒิวิชาชีพ การมอบป้ายมืออาชีพการันตีแก่ผู้ประกอบอาหารจึงเป็นการแสดงให้เห็นว่าผู้ที่ผ่านการประเมินมีความรู้ ความสามารถ ปฏิบัติได้ตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ และเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ เพิ่มความมั่นใจให้กับผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี ในขณะที่ผู้ประกอบอาหารยังสามารถนำกระบวนการตามมาตรฐาน คำแนะนำจากทีมเชฟผู้ประเมินไปปรับใช้เพื่อพัฒนาและยกระดับคุณภาพในการประกอบอาชีพได้ ที่สำคัญยังเป็นโอกาสให้ผู้ที่ได้การรับรองสามารถเข้าถึงแหล่งทุนด้วยการขอสินเชื่อกับธนาคารออมสินเพื่อต่อยอดธุรกิจได้ด้วย ด้านนายกฤตย รองนายกเทศบาลตำบลอัมพวา บอกว่ากิจกรรมที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ถือเป็นการนำร่องโครงการดีๆ ที่จะพัฒนายกระดับคุณภาพชีวิตในพื้นที่ให้กับคนอัมพวา ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีการให้การรับรองคุณภาพ มาตรฐานในการประกอบอาชีพให้กับพ่อค้า แม่ค้าสตรีทฟู้ดในพื้นที่มาก่อน ขณะเดียวกันเล็งเห็นประโยชน์ว่าการรับรองคุณวุฒิวิชาชีพ รวมไปถึงการอบรมตามมาตรฐานอาชีพในอาชีพอื่นๆ ให้กับชาวชุมชนอัมพวา จะยิ่งเป็นการจุดกระแสการให้บริการอย่างมีคุณภาพแก่นักท่องเที่ยวได้ ซึ่งเทศบาลตำบลอัมพวาจะมีการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอยู่เป็นประจำ และที่สำคัญปัจจุบันเทรนด์นักท่องเที่ยวคุณภาพนิยม มีกำลังซื้อสูง นิยมเดินทางมาสัมผัสวิถีชีวิตการท่องเที่ยวท้องถิ่น และซึมซับกับวิถีวัฒนธรรมของคนอัมพวากันมากขึ้น การให้บริการอย่างมีมาตรฐานก็จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับชุมชนอัมพวาด้วยเช่นกัน

สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ร่วมมือกับ บริษัท Wefly Aero จำกัด และมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ จัดโครงการพัฒนาบุคลากรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านช่างซ่อมอากาศยาน เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันของบุคลากรด้านอากาศยานในประเทศไทยตามมาตรฐานอาชีพ ณ ตึก Vincent Mary School of Engineering (VME) มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ วิทยาเขตสุวรรณภูมิ การฝึกอบรมครั้งนี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก คือ ภาคทฤษฎี ภาคปฏิบัติใน Maintenance Training Organization (MTO) และ Maintenance, Repair, and Overhaul (MRO) โดย ในส่วนของ MTO ที่เน้นประสบการณ์การทำงานจริง เช่น การใช้งานและการบำรุงรักษาเครื่องมือช่าง การตรวจสอบความปลอดภัยในสภาพแวดล้อมการทำงาน และการปฏิบัติการบำรุงรักษาอากาศยานในส่วนต่าง ๆ เช่น โครงสร้างอากาศยาน ระบบอากาศปรับอากาศ ระบบเครื่องยนต์กังหัน และการตรวจสอบระบบใบพัด ซึ่งหลังจากนี้ ผู้เข้ารับการฝึกอบรมจะได้ลงพื้นที่ฝึกปฏิบัติจริง ณ ท่าอากาศยานโพธาราม เพื่อเพิ่มพูนความรู้และทักษะด้านการบำรุงรักษาและซ่อมแซมอากาศยาน ในสถานที่จริงต่อไป

สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) มอบหนังสือเห็นชอบหลักสูตรฝึกอบรมตามมาตรฐานอาชีพ ให้กับ นางสาว กีรติ ไชยะเดชะ กรรมการผู้จัดการบริษัท สยาม ควอลิตี้ ไรซ์ จำกัด และบริษัท ตั้งแซเยี้ยง กรีนพาวเวอร์ จำกัด ในฐานะที่ บริษัท สยาม ควอลิตี้ ไรซ์ จำกัด เป็นโรงสีข้าวขนาดใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ มีกำลังการผลิตทั้งในและส่งออกต่างประเทศมายาวนาน และบริษัท ตั้งแซเยี้ยง กรีนพาวเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าชีวมวลที่นำแกลบที่เหลือจากการสีข้าวกลับมาใช้เป็นพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนใช้ในโรงสีข้าว ซึ่งทั้ง 2 แห่ง ได้มีการนำมาตรฐานอาชีพของสถาบันในหลายอาชีพที่เกี่ยวข้องไปจัดทำเป็นหลักสูตรเพื่อในการอบรม พัฒนาบุคลากรภายใน โดย บริษัท สยาม ควอลิตี้ ไรซ์ จำกัด ได้รับหนังสือเห็นชอบหลักสูตรฝึกอบรม ดังนี้ -อาชีพนักส่งเสริมการผลิตวัตถุดิบสำหรับการแปรรูปผลิตภัณฑ์ผักและผลไม้ คุณวุฒิวิชาชีพระดับ 4 -อาชีพนักควบคุมและตรวจสอบคุณภาพข้าวสำหรับโรงสี คุณวุฒิวิชาชีพระดับ 4 -อาชีพนักจัดการกระบวนการผลิตข้าว (Processing Manager) คุณวุฒิวิชาชีพระดับ 3 -อาชีพนักซ่อมบำรุงและดูแลเครื่องจักรและอุปกรณ์สำหรับโรงสี คุณวุฒิวิชาชีพระดับ 4 -อาชีพนักบริหารจัดการระบบคุณภาพข้าว คุณวุฒิวิชาชีพระดับ 4 -อาชีพผู้บริหารอุตสาหกรรมแปรรูปผลิตภัณฑ์ผักและผลไม้ คุณวุฒิวิชาชีพระดับ 4 -อาชีพนักบริหารจัดการสินค้าคงคลังสำหรับโรงสีข้าว คุณวุฒิวิชาชีพระดับ 4 -อาชีพผู้ควบคุมคลังสินค้าไซโล คุณวุฒิวิชาชีพระดับ 3 -อาชีพผู้บริหารคลังสินค้าไซโล คุณวุฒิวิชาชีพระดับ 5 ขณะที่ บริษัท ตั้งแซเยี้ยง กรีนพาวเวอร์ จำกัด ได้รับหนังสือเห็นชอบหลักสูตรฝึกอบรม ดังนี้ -อาชีพนักจัดการคลังวัตถุดิบ คุณวุฒิวิชาชีพระดับ 3 -อาชีพนักจัดหาวัตถุดิบ คุณวุฒิวิชาชีพระดับ 4 -อาชีพผู้ปฏิบัติงานด้านสาธารณูปโภค คุณวุฒิวิชาชีพระดับ 4 -อาชีพผู้ดสอบและควบคุมคุณสมบัติเชื้อเพลิงชีวมวล คุณวุฒิวิชาชีพระดับ 3 โดยทาง นางสาว กีรติ ไชยะเดชะ กรรมการผู้จัดการบริษัท สยาม ควอลิตี้ ไรซ์ จำกัด และบริษัท ตั้งแซเยี้ยง กรีนพาวเวอร์ จำกัด มีแผนนำมาตรฐานอาชีพไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ เพื่อยกระดับบุคลากรด้วยการเทียบเคียงวุฒิการศึกษา และปรับขึ้นเงินเดือนให้พนักงานตามทักษะที่ได้ตามระดับชั้นต่อไป

สคช.ร่วมอปท. หนุนสร้างอาชีพ เพิ่มศักยภาพคนท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ กระตุ้นเศรษฐกิจเชิงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ดร.ณฐา จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เปิดการฝึกอบรมห้องเรียนสมรรถนะตามมาตรฐานอาชีพ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-17 ตุลาคม 2567 ณ หอประชุมอบจ.เพชรบูรณ์ โดยมี นายณรงค์ศักดิ์ หอมมาลัย รองนายกอบจ.เพชรบูรณ์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารอบจ.เพชรบูรณ์ร่วมในพิธี การอบรมห้องเรียนสะสมสมรรถนะนี้เป็นโครงการฝึกอาชีพเข้มข้น (Intensive Course) มีเป้าหมายเพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมได้พัฒนาสมรรถนะตามมาตรฐานอาชีพ และสามารถนำไปใช้ในการสร้างอาชีพและผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับพื้นที่และทรัพยากรในชุมชน ที่สำคัญคือยังส่งเสริมให้ผู้เข้าอบรม ได้เก็บสะสมสมรรถนะที่ได้รับตามหลักสูตรการฝคกอบรมตามมาตรฐานอาชีพ ผ่านแพลตฟอร์มอัจฉริยะเพื่อการพัฒนากำลังคน EWE และหากในอนาคตท่านได้ไปประกอบอาชีพที่ได้รับการอบรมครบตามคุณสมบัติที่ระบุไว้ ก็สามารถติดต่อขอรับคุณวุฒิวิชาชีพ การันตีความเป็นมืออาชีพจาก สคช. ได้ทันที โดยการอบรมห้องเรียนสมรรถนะครั้งนี้ เปิดอบรม 3 อาชีพ มีผู้เข้าอบรมรวม 130 คน ประกอบด้วย อาชีพแรก การฝึกอบรมอาชีพบาริสต้า ซึ่งเป็นการอบรมที่ครอบคลุมมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพในสาขาการท่องเที่ยว การโรงแรม ภัตตาคาร และร้านอาหาร สาขาบริการเครื่องดื่ม อาชีพบาริสต้า จำนวน 4 หน่วยสมรรถนะ มีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟ และมีดีกรีแชมป์จาก Thailand Barista Champion ปี 2012 นายศิวกร บุญศิริชาญ พร้อมคณะวิทยากรจาก Barista Trainer นางสาววรางคนา บุญถนอม นางสาวณัฐกมลนิจ เจริญภัควัชร์ และ นางสาวอรุณนพรัตน์ รุ่งสว่าง ที่มาให้ความรู้ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ ที่สำคัญคือการบอกเล่าประสบการณ์อันทรงคุณค่าในด้านการทำกาแฟ หลักการบริการจัดการร้านกาแฟ เป็นต้น อาชีพที่ 2 การฝึกอบรมอาชีพผู้ประกอบอาหารในร้านอาหาร ซึ่งมุ่งเน้นพัฒนาทักษะตามมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพด้านการท่องเที่ยว การโรงแรม ภัตตาคาร และร้านอาหาร สาขาผู้ประกอบอาหาร จำนวน 9 หน่วยสมรรถนะ ซึ่งมีวิทยากรจากเชฟมืออาชีพ คือ นายนิมมาน ศรีเมฆานนท์ หรือเชฟปู และ นางสาวธัญมน ตันแจ่มใส Food stylist ได้มาให้ความรู้ในด้านการประกอบอาหารให้เป็นไปตามมาตรฐาน การใช้อุปกรณ์ในครัว ที่สามารถนำไปปรับใช้ในการประกอบธุรกิจร้านอาหารได้ตามบริบทของตนเอง และ อาชีพที่ 3 คือ การฝึกอบรมอาชีพผู้ผลิตผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร หลักสูตรนี้จะช่วยพัฒนาสมรรถนะในสาขาบริการสุขภาพ โดยเฉพาะในเรื่องของผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร จำนวน 5 หน่วยสมรรถนะ ที่เกี่ยวข้องกับความรู้และเทคนิคเกี่ยวกับการผลิตผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง ผู้เข้าอบรมจะได้อบรมในภาคทฤษฎี มีการทดสอบความรู้และฝึกปฏิบัติ โดยมีวิทยากรจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนภูริธาราพรรณ ได้แก่ นางสาวธิติมา ตะรุสะ นายพงษ์เทพ ใจเกษม และ นางสาวชัญญานุช สุดจำ มาเป็นผู้เชี่ยวชาญถ่ายทอดความรู้และวัดผลประเมินผล ดร.ณฐา กล่าวว่า ประโยชน์ของการฝึกอบรมในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการเพิ่มพูนทักษะอาชีพที่สอดคล้องกับมาตรฐานระดับประเทศ แต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้เข้ารับการอบรมสามารถพัฒนาองค์ความรู้ในการนำทรัพยากรที่มีอยู่ในชุมชนมาปรับใช้ในการสร้างอาชีพ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจในระดับชุมชน ช่วยลดต้นทุนในการผลิต นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสอันดีในการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์กับผู้เชี่ยวชาญและเพื่อนร่วมอาชีพ ซึ่งสามารถนำไปสู่การสร้างเครือข่ายอาชีพในอนาคตอีกด้วย

สคช. ยกระดับการศึกษาสู่การต่อยอดอาชีพ รับรอง 9 หลักสูตร มทร.ธัญบุรี เตรียมความพร้อมนักศึกษา ตอบโจทย์ตลาดแรงงานยุคใหม่ นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ มอบหนังสือรับรองหลักสูตรการเรียนรู้มาตรฐานคุณวุฒิวิชาชีพ จำนวน 9 หลักสูตร ได้แก่ สาขาวิชาการตลาด สาขาวิชาการจัดการ สาขาวิชาการบัญชี สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ สาขาวิชาการเงิน สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ สาขาวิชาการบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ สาขาวิชาการจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชน และหลักสูตรนานาชาติ ณ อาคาร 4 คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) โดยมี รศ.ดร.กล้าหาญ ณ น่าน คณบดีคณะบริหารธุรกิจ และคณะผู้บริหารให้การต้อนรับ รศ.ดร.กล้าหาญ กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการขอการรับรอง 9 หลักสูตร ซึ่งครอบคลุมสาขาวิชาสำคัญ เช่น การตลาด การจัดการ การบัญชี คอมพิวเตอร์ธุรกิจ การเงิน และการจัดการโลจิสติกส์ ซึ่งจะทำให้นักศึกษามีศักยภาพในการแข่งขันทั้งในระดับประเทศและระดับสากล โดยการมุ่งเน้นสมรรถนะทางอาชีพที่ถือเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างบุคลากรที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของภาคธุรกิจได้อย่างแท้จริง นางสาวจุลลดา กล่าวถึงความสำคัญของการผลักดันหลักสูตรการเรียนรู้ที่เน้นฐานสมรรถนะ (Competency-Based Education: CBE) ซึ่งตอบสนองต่อความต้องการของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม โดย สคช. เป็นหน่วยงานที่เชื่อมโยงระหว่างผู้ประกอบการที่ต้องการแรงงานที่มีทักษะเฉพาะ ทางกับสถาบันการศึกษาที่มุ่งผลิตบัณฑิตที่มีศักยภาพพร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงานได้ทันที การรับรองหลักสูตรครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้นักศึกษาของ มทร.ธัญบุรี ได้รับการพัฒนาทักษะให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดงานทั้งในประเทศและระดับสากล นอกจากนี้ รศ.ดร.สมหมาย ผิวสอาด อธิการบดี มทร.ธัญบุรี ได้กล่าวยินดีที่ มทร.ธัญบุรี เป็นสถาบันการศึกษาแห่งแรกที่ได้รับการรับรองหลายหลักสูตรในคราวเดียวจาก สคช. ซึ่งถือเป็นการยกระดับการศึกษาในระดับประเทศ และจะเป็นแรงกระตุ้นให้คณะอื่นๆ พัฒนาหลักสูตรตามมาตรฐานคุณวุฒิวิชาชีพต่อไป สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ยังคงมุ่งมั่นในการยกระดับคุณภาพแรงงานของประเทศไทย และส่งเสริมให้สถาบันการศึกษาเตรียมพร้อมนักศึกษาเพื่อเข้าสู่ตลาดแรงงาน ด้วยการพัฒนาหลักสูตรที่ตอบโจทย์ความต้องการในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นทักษะด้านพลังงานทดแทน Carbon credit และทักษะสีเขียว รวมถึงการแนะแนวอาชีพที่มีศักยภาพสูง เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับนักศึกษาและบุคลากรให้สามารถปรับตัวและพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องในยุคของการเปลี่ยนแปลงได้

คณะผู้บริหารสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ร่วมวางพานพุ่มถวายบังคม ณ พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องใน “วันนวมินทรมหาราช” 13 ตุลาคม 2567 นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ นำคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) วางพานพุ่มถวายบังคมพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันที่ 13 ตุลาคม ของทุกปี เนื่องใน “วันนวมินทรมหาราช” เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย ทรงเป็นมิ่งขวัญ เป็นกำลังศรัทธาของประชาชนคนไทยทุกหมู่เหล่า และพระองค์สถิตอยู่ในดวงใจของพสกนิกรชาวไทยตลอดกาลนาน

สคช. ร่วมจัดกิจกรรมน้อมรำลึกเนื่องในวันนวมินทรมหาราช 13 ตุลาคม 2567 คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) จัดกิจกรรม "สคช.จิตอาสา วันนวมินทรมหาราช 13 ตุลาคม 2567" เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้น ณ สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) โดยกิจกรรมประกอบด้วยการเตรียมดิน พรวนดิน ผสมปุ๋ยคอก เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดูแลสวนสาธารณะ ได้นำไปใช้ดูแลต้นไม้ในสวนวชิรเบญจทัศ กิจกรรมดังกล่าวยังเป็นการส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่ ได้มีสำนึกต่อการเป็นผู้มีจิตอาสา ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมภายในหน่วยงาน ร่วมกันตระหนักถึงการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประโยชน์ ลดการใช้สารเคมีเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

ประกาศการจัดสรรทุน เพื่อสนับสนุนค่าธรรมเนียม การประเมินมาตรฐานอาชีพและสมรรถนะสนับสนุนการทำงานสำหรับองค์กรที่มีหน้าที่รับรอง สมรรถนะบุคคลตามมาตรฐานอาชีพ ประจำปีงบประมาณ 2568 สแกน Qr Code เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม

นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ร่วมถวายแจกันดอกไม้และลงนามถวายพระพร สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ให้ทรงมีพระพลานามัยที่แข็งแรงและหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ววัน ณ บริเวณชั้น ๑ อาคารศูนย์การแพทย์มะเร็งวิทยาจุฬาภรณ์ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์

เนื่องด้วยขณะนี้ สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) พบว่ามีผู้ปลอมแปลงใช้ข้อมูล สคช. ทำเพจปลอมขึ้นมา และทักข้อความผ่านแชทเชิญชวนให้ทำอาชีพเสริมออนไลน์ สคช. ขอแจ้งเตือนทุกท่าน ให้ระวังอย่าได้หลงเชื่อ แชร์ต่อ หรือกดคลิกลิงก์ข้อความใดๆ และอย่าปล่อยให้ใครต้องตกเป็นเหยื่อ!! โดยสามารถตรวจสอบข้อมูล หรือแจ้งเบาะแสมายังเจ้าหน้าที่สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ได้ที่ 063 373 3926

นายนิธิวัชร์ ศิริปริยพงศ์ รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ร่วมงานแถลงข่าวโครงการส่งเสริมศิลปินและธุรกิจเทศกาลดนตรีของไทยสู่ตลาดสากล (Music Exchange) ที่มุ่งยกระดับอุตสาหกรรมดนตรีของไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ ซึ่งสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA ในฐานะหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศ ร่วมกับคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านดนตรี โดยมีนายสุรพงษ์ สืบวงษ์ลี รองประธานที่ปรึกษา คณะที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี, นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์, นายวิเชียร ฤกษ์ไพศาล ผู้ก่อตั้งค่ายจีนี่เรคคอร์ด พร้อมด้วยอีกหลากหลายผู้ก่อตั้งค่ายเพลง และอยู่ในแวดวงธุรกิจดนตรี รวมไปถึงศิลปินหลากหลายวง ที่มาร่วมในการแถลงข่าว ณ สตูดิโอ 4 โอกาสนี้ ดร.ชาคริต พิชญางกูร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ได้ปาฐกถาหัวข้อ “Time for Thai Tune : How to Globalize Thailand’s Music Industry ถึงเวลาอุตสาหกรรมดนตรีของไทย ดันไกลสู่สากล” โดยกล่าวว่า CEA มองเห็นว่าอุตสาหกรรมดนตรีของไทยและศิลปินไทย มีศักยภาพไม่แพ้ใคร ทั้งยังมีโอกาสในการเติบโตได้อีกในอนาคต จากตัวเลขการเติบโตอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมดนตรีของไทยในปี 2566 ที่สร้างมูลค่ากว่า 108 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3.6 พันล้านบาท รวมถึงการที่ศิลปินไทยรุ่นใหม่ มีโอกาสไปสร้างชื่อเสียงพร้อมเผยแพร่ภาพลักษณ์ของประเทศในวงการดนตรีระดับสากลมากขึ้น โครงการ Music Exchange จะประกอบด้วย 2 กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรม PUSH ที่จะเน้นผลักดันและส่งเสริมศิลปินไทยให้มีโอกาสไปแสดงผลงานในเทศกาลดนตรีระดับนานาชาติที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศ งานเทศกาลไทย (Thai Festival) และเทศกาลดนตรีอื่น ๆ ในต่างประเทศที่จัดโดยหน่วยงานเครือข่ายของ CEA และกิจกรรม PULL ที่มีเป้าหมายในการเชิญชวนผู้จัดและเอเจนซี่จากเทศกาลดนตรีระดับนานาชาติ รวมถึงบุคลากรสำคัญในอุตสาหกรรมดนตรีระดับโลกให้เข้ามาศึกษาดูงานที่ประเทศไทย เพื่อสร้างโอกาสและเครือข่ายทางธุรกิจร่วมกัน

สคช. ลั่น!! มีมาตรฐานอาชีพด้านความปลอดภัยในการทำงานของผู้ขับขี่-ติดตั้งก๊าซรถยนต์อยู่แล้ว วอนให้ใช้ประโยชน์ หวังลดเหตุการณ์ซ้ำรอยไฟไหม้รถบัสนักเรียน นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ กล่าวถึงกรณีอุบัติเหตุรถบัสนักเรียนไฟไหม้บริเวณใกล้ทางแยกต่างระดับอนุสรณ์สถาน ถนนวิภาวดีรังสิต ทำให้ครู-นักเรียนเสียชีวิต 23 ศพ บาดเจ็บ 3 ราย ย้ำว่าสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) หรือ สคช. ได้ให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยในทุกอาชีพ และได้ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ สถานประกอบการ สมาคม สมาพันธ์ คนในอาชีพ จัดทำมาตรฐานอาชีพขึ้นมารองรับเพื่อให้การรับรองคุณภาพของคนทำงาน โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สคช. ก็มีมาตรฐานอาชีพ ในอาชีพผู้ขับขี่รถทัวร์โดยสาร, อาชีพช่างติดตั้งส่วนควบและอุปกรณ์ของรถยนต์ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติอัดเป็นเชื้อเพลิง และอาชีพช่างติดตั้งส่วนควบและอุปกรณ์ของรถยนต์ที่ใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลวเป็นเชื้อเพลิง แต่ยอมรับว่าผู้ประกอบการ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายภาคส่วน ยังไม่ให้ความสำคัญหรือนำไปใช้ประโยชน์อย่างจริงจัง “เราเชื่อว่าหากผู้ประกอบการ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขับเคลื่อนให้คนในอาชีพที่เกี่ยวกับการให้บริการรถสาธารณะ การติดตั้งก๊าซในรถต่างๆ ได้รับการอบรมที่ถูกต้องตามมาตรฐาน ได้รับการประเมิน และรับรองสมรรถนะการทำงาน ก็จะทำให้คนที่ใช้บริการเกิดความมั่นใจ หรืออุ่นใจมากยิ่งขึ้น แต่ยอมรับว่าภารกิจของสถาบันไม่ได้เป็นภาคบังคับ แต่เป็นการส่งเสริมให้เกิดการใช้ประโยชน์ จึงต้องอาศัยกลไกจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้ร่วมกันใช้ประโยชน์จากสิ่งหน่วยงานภาครัฐมีอยู่และทำอยู่ ก็จะช่วยลดอัตราการสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นได้” นางสาวจุลลดา กล่าว นางสาวจุลลดา ย้ำว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถสร้างกลไก ส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการติดตั้ง การซ่อมบำรุงระบบแก๊สที่ใช้กับรถยนต์ให้ผ่านกระบวนการอบรม และรับรอง (Certified) ตามมาตรฐานอาชีพ เพื่อให้รู้ว่าคนที่ทำงานด้านนี้มีคุณภาพตามมาตรฐานการทำงานในเรื่องนั้นๆ รวมถึงสถานประกอบการก็ควรส่งเสริมให้ลูกจ้าง เข้าสู่กลไก อบรม ประเมินเพิ่มเติมความรู้ ขับเคลื่อนให้เป็นระบบ ก็จะทำให้สังคมเกิดความปลอดภัยได้มากขึ้น คนใช้บริการก็จะมั่นใจมากขึ้นว่าใช้บริการจากผู้ให้บริการที่มีมาตรฐาน แม้อุบัติเหตุอาจจะเกิดขึ้นได้จากปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ รวมถึงจิตสำนึกของคนขับ แต่สมรรถนะการทำงานเป็นสิ่งสำคัญที่ยืนยันได้มากกว่าการทำได้ ทำเป็น จากนี้จึงต้องช่วยกันนำมาตรฐานอาชีพที่มีอยู่ไปใช้ให้เป็นรูปธรรมให้มากที่สุด ซึ่งหากสนใจมาตรฐานอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการทำงานสามารถติดต่อสอบถามกับสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ได้ทุกช่องทาง รวมทั้งผ่าน Call center 063-373-3926

นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ หารือร่วมกับ ดร.ทรายทอง พวกสันเทียะ และ ดร.วารุณี เลียววิวัฒน์ชัย รองผู้อำนวยการสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ และคณะ เกี่ยวกับแนวทางและแผนการจัดสอบสมรรถนะสนับสนุนการทำงานด้านการใช้ดิจิทัล (Digital Literacy) ซึ่ง สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทศ. ได้รับการรับรองเป็นองค์กรรับรองของสคช.ในขอบข่ายสมรรถนะสนับสนุนการทำงานด้านการใช้ดิจิทัล (Digital Literacy) เพื่อนำไปวางแผนที่จะจัดสอบในปีงบประมาณ 2568 ต่อไป โดยปัจจุบันมีผู้ที่ผ่านการทดสอบและอยู่ระหว่างขอรับหนังสือรับรองสมรรถนะ แบ่งเป็น DL1 จำนวน 282 คน และ DL2 จำนวน 204 คน รวมจำนวน 486 คน โอกาสนี้ นางสาวจุลลดา กล่าวว่า สคช.สนับสนุนและส่งเสริมให้ทุกองค์กรที่มีหน้าที่รับรองสมรรถนะของบุคคล และองค์กรให้บริการฝึกอบรม ภายใต้การรับรองของสถาบัน ได้ให้ผู้สมัครเข้าสู่การประเมินได้ลงทะเบียนการใช้งานผ่านแพลตฟอร์มอัจฉริยะ E-Workforce Ecosystem Platform หรือ (EWE) เพื่อที่จะได้สามารถเข้าใช้บริการ E-Certificate ได้อัตโนมัติ อีกทั้งยังสามารถเข้าไปฝึกพัฒนาตนเองให้มีสมรรถนะที่สูงขึ้น หรือสามารถพัฒนาตนเองในทักษะใหม่ๆ ได้อีกด้วย อีกทั้งปัจจุบัน สถาบันได้เชื่อมข้อมูลกับแอป “ทางรัฐ” เพื่อรองรับการใช้งานของผู้ที่ผ่านการประเมิน หรือผู้ที่สนใจที่จะเข้าสู่การประเมินสมรรถนะอีกช่องทางหนึ่งด้วย

วันที่ 2 ต.ค. 67 นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ พร้อมด้วย ดร.ศิริพรรณ ชุมนุม ที่ปรึกษาคณะกรรมการสถาบัน และผู้บริหารสถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพมหานคร ผู้บริหารจากกาญจนาภิเษกวิทยาลัย ช่างทองหลวง เข้า พบ Miss Vibeke Lyssand Leirvag (Managing Director) และทีมงาน บริษัท ฟีลีเซีย (ไทยแลนด์) จำกัด เพื่อแนะนำสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ และแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับการให้การรับรองคุณวุฒิวิชาชีพแก่บุคลากรในสถานประกอบการ สาขาวิชาชีพอัญมณี เครื่องประดับ และโลหะมีค่า และ สาขาวิชาชีพบริการการศึกษาวิจัย และภาษา อาชีพครูฝึกในสถานประกอบการ ซึ่งบริษัท Felicia มีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตเครื่องประดับ เป็นการผลิตที่ผสมผสานเทคโนโลยีสมัยใหม่กับประสบการณ์และฝีมือของช่างฝีมือชาวเอเชีย เพื่อผลิตชิ้นงานที่มีคุณค่าซึ่งเหมาะกับแบรนด์หรือแนวคิดตามความต้องการของลูกค้า

สคช. ร่วมกรมทหารสื่อสารที่ 1 ค่ายกำแพงเพชรอัครโยธิน จัดอบรมเพิ่มทักษะ ให้ทหารกองประจำการผลัด 2/2565 ได้เตรียมพร้อมต่อยอดชีวิตก่อนปลดประจำการ นายนิธิวัชร์ ศิริปริยพงศ์ รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ พร้อมด้วย พันเอกไตรศักดิ์ ทุมเพชร รองผู้บังคับการกรมทหารสื่อสารที่ 1 กองทัพบก ร่วมมอบวุฒิบัตรการอบรมวิชาชีพ แก่ทหารกองประจำการ จำนวน 117 นาย ที่ผ่านการฝึกอบรมวิชาชีพ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือระหว่างกระทรวงกลาโหมและสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เพื่อส่งเสริมและเปิดโอกาสให้ทหารกองประจำการ มีโอกาสเพิ่มทักษะอาชีพ โดยมุ่งหวังให้สามารถนำไปต่อยอดการประกอบอาชีพหลังปลดประจำการได้ การฝึกอบรมวิชาชีพ จัดขึ้นระหว่าง วันที่ 23-28 กันยายน 2567 ประกอบด้วย 3 หลักสูตร ได้แก่ 1.หลักสูตรฝึกอบรมช่างบำรุงรักษามอเตอร์ไซต์ ใช้เวลาอบรม 5 วัน , 2. หลักสูตรฝึกอบรมสมรรถนะสนับสนุนการทำงานด้านการใช้อีคอมเมิร์ซระดับ 2 ระดับการประยุกต์ ใช้เวลาอบรม 3 วัน และ 3.หลักสูตรฝึกอบรมอาชีพบาริสต้า ใช้เวลาอบรม 3 วัน จำนวน 2 รอบ ซึ่งได้รับความสนใจจากน้องๆทหารกองประจำการที่เลือกเข้ารับการฝึกอบรมตามความสนใจ และมีหลายคนที่มุ่งมั่นจะนำไปใช้ประกอบอาชีพหลังปลดประจำการด้วย นอกจากนี้ ทุกคนยังได้มีโอกาสเข้าใช้งานในแพลตฟอร์มอัจฉริยะด้านกำลังคน E-Workforce Ecosystem Platform ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยในการสะสมประวัติการทำงาน ผลงาน และประสบการณ์ มีช่องทางให้เข้าไปพัฒนาตนเองได้อีกในอนาคตผ่านหลักสูตรต่างๆ ในระบบ E-Training ทำให้สามารถติดตามความก้าวหน้าและทักษะที่ตนเองพัฒนาได้อีกด้วย

สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) โดยเชฟจากครัววันดี ในฐานะองค์กรที่มีหน้าที่รับรองสมรรถนะของบุคคลตามมาตรฐานอาชีพ ลงพื้นที่ร่วมกับเทศบาลตำบลอัมพวา จัดประเมินร้านสตรีทฟู้ดจำนวนกว่า 200 ร้าน เพื่อยกระดับมาตรฐานให้พ่อค้า แม่ค้าตลาดน้ำอัมพวา หลังจากเกิดกรณีกระแสในโลกออนไลน์พ่อค้าขายลูกชิ้นทอดไม่แจ้งราคา วัตถุดิบเหมือนจะเสีย นายกฤต มีทวี รองนายกเทศมนตรีตำบลอัมพวา บอกว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สถาบันมีการประเมินและให้การรับรองกับพ่อค้าแม่ค้าสตรีทฟู้ด เพราะจะช่วยส่งเสริมการปรุง การจัดเก็บวัตถุดิบอย่างมีมาตรฐาน ช่วยยกระดับให้ตลาดน้ำอัมพวาได้อีกทาง โดยเฉพาะทีมเชฟที่ลงพื้นที่ประเมินไม่เพียงแค่ตรวจสอบเท่านั้น แต่ช่วยให้คำแนะนำกับผู้ประกอบการที่สามารถนำไปปรับปรุงพัฒนาการประกอบอาหารที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวได้ด้วย นอกจากนี้ยังเป็นการจูงใจให้คนที่ทำดีให้ได้รับรางวัล เพราะการรับรองความเป็นมืออาชีพ มีประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพ ก็เป็นเสมือนรางวัลให้กับพ่อค้าแม่ค้าในพื้นที่ และอยากให้ผู้ประกอบการร้านอาหารตลาดน้ำอัมพวารักษามาตรฐานนี้ไว้เพื่อชื่อเสียง ภาพลักษณ์ที่ดีที่จะออกสู่สายตานักท่องเที่ยวทั่วโลก

สคช. ร่วมเฟ้นหาสุดยอดเชฟฮาลาลระดับช้างเผือกชายแดนใต้ และร่วมมอบใบประกาศนียบัตรการันตีสู่ความเป็นมืออาชีพ หนุนซอฟต์พาวเวอร์อาหารไทย (ฮาลาล) นายพิริยพงศ์ แจ้งเจนเวทย์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนานวัตกรรมคุณวุฒิวิชาชีพ เป็นผู้แทนสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ร่วมพิธีมอบใบประกาศนียบัตรผู้สำเร็จการศึกษาหลักสูตรเชฟอาหารไทย (ฮาลาล) ระดับช้างเผือก ณ ห้องประชุมศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) จำนวน 2 รุ่น รวม 40 คน โดยมีประกาศนียบัตรดังกล่าวเป็นการการรันตีความเป็นมืออาชีพด้านการเป็นเชฟอาหารไทยจาก 3 หน่วยงาน ได้แก่ ประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพ อาชีพผู้ประกอบอาหารฮาลาล ระดับ 4 จาก สคช. , ประกาศนียบัตรจาก ศอ.บต. ร่วมกับสถาบันการอาหารไทย และประกาศนียบัตรจากสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน โดยมี พันตำรวจโทวรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการ ศอ.บต. เป็นประธานกล่าวเปิดงานและร่วมมอบใบประกาศนียบัตรของทั้ง 3 หน่วยงาน นอกจากนี้ ยังมีนายณัฐพงษ์ ธีรนันทพิชิต อาจารย์ใหญ่สถาบันการอาหารไทย พร้อมผู้แทนจากสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน, มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา, สถาบันอาหารฮาลาล,มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เข้าร่วมเป็นสักขีพยานและแสดงความยินดีกับผู้สำเร็จหลักสูตรดังกล่าว โครงการนี้ไม่เพียงแต่พัฒนาทักษะอาชีพ แต่ยังเป็นการสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับคนในพื้นที่ ทั้งยังหวังว่าเชฟรุ่นใหม่เหล่านี้จะเป็นทูตวัฒนธรรมอาหารไทยฮาลาลสู่เวทีโลก การริเริ่มครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยใช้อาหารเป็นสื่อกลางในการสร้างความเข้าใจและความร่วมมือระหว่างวัฒนธรรม ทั้งนี้ ในรุ่นที่ 3 ของหลักสูตรเชฟอาหารไทย (ฮาลาล) ระดับช้างเผือก สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) จะเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินโครงการภายใต้แผนงานบูรณาการการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โครงการยกระดับบุคลากรสู่อาชีพเชฟฮาลาลอาหารไทยชายแดนใต้ด้วยคุณวุฒิวิชาชีพอีกด้วย

สคช.ประชุมร่วมกับสถาบันการอาชีวศึกษาภาคกลาง 4 วางแนวทางการจัดทำหลักสูตรการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพ หวังให้นักศึกษาได้รับคุณวุฒิวิชาชีพและหนังสือรับรองสมรรถนะติดตัวก่อนเข้าสู่การประกอบอาชีพ ณ ห้องไดมอนด์ 1 โรงแรม อวานี รัชดา กรุงเทพฯ ดร.ศิริพรรณ ชุมนุม นายกสภาสถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพมหานคร ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เป็นประธานเปิดการประชุม โดยมีนายนิธิวัชร์ ศิริปริยพงศ์ รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการประชุมร่วมกับสถาบันการอาชีวศึกษาภาคกลาง 4 นำโดย ดร.อินดา แตงอ่อน ผู้อำนวยการสถาบัน พร้อมคณะ การประชุมครั้งนี้เป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และร่วมกันวางแนวทางการพัฒนาหลักสูตรการเรียนรู้ของสถาบันการอาชีวศึกษาด้วยมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพ พร้อมทั้งมีการบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตรการเรียนรู้ให้ความสอดคล้องตามมาตรฐานอาชีพ ตลอดจนแนวทางการได้รับประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพ และหนังสือรับรองสมรรถนะของผู้เรียน  นอกจากนี้ ยังได้มีการแนะนำการใช้งานระบบบริการต่างๆ ภายใต้แพลตฟอร์มอัจฉริยะ E-Workforce Ecosystem Platform (EWE) ให้กับอาจารย์ในสังกัดสถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพมหานคร เพื่อนำไปถ่ายทอดและประชาสัมพันธ์ให้นักเรียน นักศึกษาของแต่ละวิทยาลัยเข้าไปใช้งาน ให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาตนเองต่อไป

ดร.ณฐา จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เข้าร่วมพิธีเปิดงาน THAI SME-GP DAY 2024 มหกรรมรวมสินค้าและบริการจาก SME ที่มุ่งขยายโอกาสให้ SME เข้าถึงตลาดภาครัฐและเอกชน โดยมีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เป็นประธานในพิธีเปิด โดยมี ดร.ปณิตา ชินวัตร รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าววัตถุประสงค์ของการจัดงาน ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อาคาร 5 นายประเสริฐ กล่าวว่า ตลาดการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐมีมูลค่ากว่า 1.3-1.5 ล้านล้านบาทต่อปี ซึ่งเปิดโอกาสให้ SME ไทยได้มีส่วนร่วมในการจัดหาสินค้าและบริการ รัฐบาลจึงให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและสนับสนุน SME ผ่านมาตรการต่าง ๆ เพื่อลดความยุ่งยากและเพิ่มสิทธิประโยชน์ในการจัดซื้อจัดจ้างให้กับผู้ประกอบการ SME ด้วย งาน THAI SME-GP DAY 2024 ยังมีการจัดโซนแสดงสินค้าและบริการที่หลากหลาย การบรรยายเกี่ยวกับตลาดภาครัฐการเตรียมพร้อมและการเสนอราคากับหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงการเสวนาเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ และการมอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้หน่วยงานภาครัฐ และสถาบันการเงินที่สนับสนุนการกขยายโอกาส SME สู่ตลาดภาครัฐ ซึ่งงานนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการเสริมสร้างศักยภาพ SME ไทยให้เข้มแข็งและเติบโตต่อไปอย่างมั่นคง พร้อมกับเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต่อไป

สคช.เชิญชวนนักทรัพยากรบุคคลองค์กรต่างๆ ร่วมนำแพลตฟอร์มอัจฉริยะด้านกำลังคน EWE Platform เสริมประสิทธิภาพ และเพิ่มช่องทางพัฒนาบุคลากรภายในองค์กร มุ่งสู่การเป็น Digital HR ในงาน Digital HR Forum2024 โดยงาน Digital HR Forum2024 เป็น 1 ใน 4 งาน ที่จัดขึ้น ในโครงการ September Series 2024 หัวข้อ “How Thailand Continues to Foster Its Digital Economy and Society” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-26 กันยายน 2567 ณ ห้อง Mayfair Ballroom โรงแรมเดอะเบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ โดยมีศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวเปิดงาน และปาฐกถาพิเศษ พร้อมระบุด้วยว่าเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ให้ก้าวทันและสอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของ Digital Economy เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม สร้างความตระหนักและเพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนทัศนคติว่าในโลกการทำงานและการพัฒนาบุคลากรยุคใหม่ ดิจิทัลเทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทเรียกว่าปฏิวัติทั้ง workplace และ workforce อีกทั้งมุ่งหวังที่จะให้เวทีนี้ได้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในการประยุกตฺใช้ดิจิทัลเทคโนโลยีร่วมกัน ทั้งหน่วยานภาครัฐและเอกชน สมาคมสมาพันธ์ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงภาคการศึกษา ขณะเดียวกันปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้กล่าวด้วยว่ากระทรวงดีอีจะร่วมกับสคช. ดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บเครดิตแบงค์ และสนับสนุนการสร้างแพลตฟอร์มที่จะตอบโจทย์ Learn to Earn และการจัดทำฐานข้อมูลกำลังคนเพื่อนำมาพัฒนาและใช้ประโยชน์ในการพัฒนากำลังแรงงานของประเทศต่อไป ทางด้าน นายนิธิวัชร์ ศิริปริยพงศ์ รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ได้ร่วมขึ้นเวทีในการเชิญชวนนักทรัพยากรบุคคลจากหน่วยงานต่างๆ ภายใต้หัวข้อ “Unlock HR to Drive Business Performance in Any Context” โดยได้กล่าวเชิญชวนและแนะนำเครื่องมือซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอัจฉริยะที่ สคช.จัดทำขึ้นในชื่อ E-Workforce Ecosystem Platform ซึ่งมี 6 ระบบ ประกอบด้วย 1.ระบบ E-portfolio เป็นการจัดเก็บข้อมูลของบุคคลอย่างเป็นระบบ อาทิ ข้อมูลประวัติการศึกษา การอบรม ประสบการณ์ทำงาน ทักษะที่บุคคลมีไว้ในที่เดียว 2.ระบบ Learning and Career Guidance (LCG) มีแบบประเมินทักษะ ความถนัด ของตนเองว่าสามารถเลือกอาชีพ หรือทำงานตามความถนัดได้อย่างไร 3.ระบบ E-Coupon เป็นระบบสนับสนุนค่าใช้จ่ายสำหรับการ Up-skill Re-skill New-skill หรือต้องการพัฒนาตนเองสู่การมีอาชีพที่ 2 และ 3 ต่อไป 4. ระบบ Competency Credit Bank เป็นระบบการสะสมประสบการณ์เพื่อเชื่อมโยงภาคการศึกษา 5. ระบบ Job Matching ระหว่างคนหางานและผู้ประกอบการมีประสิทธิภาพ เกิดการจ้างงานทุกระดับอย่างเป็นธรรม ผู้ประกอบการได้แรงงานมีคุณภาพ มีทักษะฝีมือตรงตามความต้องการ และ 6. ระบบบริการข้อมูลด้านกำลังคน ที่จะสามารถเห็นภาพรวมกำลังแรงงานของทั้งประเทศ เพื่อการบริการจัดการได้อย่างเป็นรูปธรรม จะเห็นได้ว่า E-Workforce Ecosystem Platform เป็นระบบที่ช่วยในการสร้างโปรไฟล์ เพื่อรองรับการเพิ่มทักษะ การมีงานทำ การศึกษาต่อได้ และยังเป็นกลไกในการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องสู่การเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong learning)

ด้วยสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ(สกมช.) มีพันธกิจในการส่งเสริมและสนับสนุนงานวิจัยและการพัฒนาเทคโนโลยีและองค์ความรู้ที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ สกมช. จึงจัดให้มีกิจกรรมส่งเสริมให้มีผลิตภัณฑ์และการให้บริการในภาคอุตสาหกรรม ด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ในรูปแบบการประกวดผลิตภัณฑ์และการให้บริการในภาคอุตสาหกรรมด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เพื่อช่วยกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรม และให้บริการทางด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ อีกทั้งยังส่งเสริมให้องค์กรและสถาบันศึกษามุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ทางด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดโลก สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับประเทศในระยะยาว

สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ จับมือ อีอีซี ร่วมเดินหน้าพัฒนากำลังคนด้วย EWE Platform นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ พร้อมด้วย ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก จรดปากกาลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) และสำนักงานนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เพื่อส่งเสริมและพัฒนากำลังคนผ่านระบบ E-Workforce Ecosystem ดร.จุฬา กล่าวถึงความร่วมมือครั้งนี้ว่า EWE Platform ไม่เพียงช่วยให้แรงงานสามารถพัฒนาทักษะตนเองตามมาตรฐานอาชีพเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างโอกาสให้คนในชุมชนได้ Upskill และ Reskill ทั้งในภาคอุตสาหกรรมและในหลากหลายสาขาอาชีพ โดยเฉพาะการพัฒนาในพื้นที่ชุมชนของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งสามารถช่วยผลักดันการนำ EWE Platform ไปใช้พัฒนากำลังคนกลุ่มแรงงานท้องถิ่น ผ่านการลงทะเบียน E-Portfolio เพื่อเชื่อมโยงคนทำงานกับสถานประกอบการ โดยผู้ที่ได้รับคุณวุฒิวิชาชีพจากการประเมินอย่างเป็นระบบจะสามารถเพิ่มอำนาจต่อรองค่าตอบแทนและยกระดับทักษะให้ตรงตามความต้องการของตลาด นางสาวจุลลดา เสริมว่า EWE Platform มีเป้าหมายที่จะเข้าไปรองรับผู้ใช้งานในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทั้งนักเรียน นักศึกษา และผู้ประกอบอาชีพอิสระ พร้อมทั้งสนับสนุนผู้ที่หลุดออกจากระบบการศึกษาให้กลับเข้าสู่ระบบ รวมถึงการมุ่งมั่นในการสร้างมาตรฐานอาชีพที่ทันสมัยและสอดคล้องกับแนวโน้มอาชีพใหม่ๆ เช่น Green Business และการใช้ประโยชน์จาก Carbon Credit เพื่อให้กำลังคนในพื้นที่สามารถปรับตัวและพัฒนาทักษะได้ตลอดชีวิต ทั้งนี้ EWE Platform จะช่วยสร้างความมั่นใจให้ผู้ประกอบการสามารถเลือกแรงงานที่มีทักษะตรงความต้องการ ส่งผลให้การลงทุนในพื้นที่ EEC เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ การลงนาม MOU นี้เป็นอีกก้าวสำคัญในการพัฒนาศักยภาพแรงงานของประเทศไทย ให้มีคุณวุฒิวิชาชีพที่ได้รับการยอมรับสู่มาตรฐานระดับสากล ผ่านการใช้งานแพลตฟอร์มอัจฉริยะที่เน้นการเรียนรู้ตลอดชีวิตและพัฒนาทักษะการทำงานให้กับแรงงานในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เพิ่มความสามารถในการแข่งขันทั้งในและนอกประเทศในอนาคต

นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิชาชีพ เข้าร่วมในการประชุมยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ Inaugural Strategic Economic Dialogue ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านการค้าครั้งแรกระหว่างไทยและออสเตรเลีย นำโดยนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายทิม แอร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีด้านการค้าเครือรัฐออสเตรเลีย ซึ่งจัดขึ้น ณ โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ กรุงเทพ ในการหารือระหว่างไทยและออสเตรเลีย จะมีประเด็นด้านการค้าการลงทุน พร้อมทั้งต่อยอดและเสริมสร้างโอกาสความร่วมมือในการพัฒนาเศรษฐกิจการค้าการลงทุน เสริมแกร่งผู้ประกอบการ รวมถึงจะได้มีการแลกเปลี่ยนแนวคิดเกี่ยวกับความร่วมมือในการพัฒนาพลังงานสะอาด เศรษฐกิจสร้างสรรค์ และเศรษฐกิจดิจิทัล โดยเน้นถึงการพัฒนากรอบ Micro-credential Framework ในสาขาสำคัญ เช่น cyber security และการท่องเที่ยว อีกทั้งยังมีการพูดคุยเรื่อง mutual recognition หรือการรับรองคุณวุฒิการศึกษาและคุณวุฒิวิชาชีพร่วมกัน โดยเฉพาะในสาขาช่างเชื่อม ผู้ประกอบอาหารไทย ผู้ดูแลผู้สูงอายุ และนวดไทย เพื่อส่งเสริมมาตรฐานการทำงานและความสามารถในการแข่งขันในระดับสากล

นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิชาชีพ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการ Development of a Green TVET Roadmap for Workforce Development ณ ประเทศเยอรมนี เป็นวันที่สี่ โดยร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการในหัวข้อการฝึกอบรมครูและความร่วมมือในภาคอุตสาหกรรม เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจสีเขียวและการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล ทั้งนี้มีผู้เข้าร่วมอภิปรายจากหลากหลายหน่วยงาน ได้แก่ Algonquin College Canada, BILT Project manager, UNESCO-UNOVOC และ Hessian Institute for Continuing Vocational Education and Training ช่วงบ่ายเข้าร่วมรับฟังข้อมูลและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ในการนำเสนอแนวทางการสร้างเครือข่าย โดยทีม UNEVOC พร้อมทั้งร่วมสรุปผลการประชุมเชิงปฏิบัติการ รวมถึงแนวทางการดำเนินงานร่วมกันระหว่าง UNEVOC, UNESCO Bangkok, OVEC และสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ต่อไปในอนาคต ในการร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการ Development of a Green TVET Roadmap for Workforce Development ณ ประเทศเยอรมนี ครั้งนี้ จะเป็นแนวทางในการต่อยอดการดำเนินงานของสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ในการแสวงหาความร่วมมือระดับนานาชาติเพื่อให้เกิดการทำงานร่วมกันและการสร้างการรับรู้การใช้ประโยชน์ของระบบคุณวุฒิวิชาชีพ การสร้างโอกาสสำหรับคนทำงาน โดยเฉพาะในสาชาวิชาชีพที่สร้างให้เกิดเศรษฐกิจสีเขียวทั้งในประเทศไทยและระดับโลกต่อไป

ดร.ณฐา จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เป็นประธานกล่าวแสดงความยินดีและมอบประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพ แก่ผู้ผ่านการฝึกอบรม และประเมินสมรรถนะบุคคล โครงการยกระดับสมรรถนะกําลังคนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยมาตรฐานอาชีพ สาขาวิชาชีพหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ ที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมและสำนักงบประมาณ โดยสอดคล้องกับแผนแม่บททางด้านอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต ในแผนย่อยด้านอุตสาหกรรมและบริการ เทคโนโลยีดิจิทัล ข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ สาขาวิชาชีพหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ อาชีพช่างแมคคาทรอนิกส์ ระดับ 3 อาชีพช่างควบคุมหุ่นยนต์ ระดับ 3 อาชีพช่างเทคนิคระบบหุ่นยนต์ ระดับ 4 และอาชีพนักบูรณาการระบบการผลิต ระดับ 5 รวมจำนวน 30 คน ณ โรงแรมอวานีขอนแก่น โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง สคช. มหาวิทยาลัยเทคโนลีราชมงคลอีสาน โดยนายเทวิล สกุลบุญยงค์ ผู้อำนวยการศูนย์รับรองสมรรถนะของบุคคลตามมาตรฐานอาชีพ ในฐานะที่ปรึกษาโครงการ กล่าวสรุปผลการดำเนินงาน ว่า โครงการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมเกิดการขยายตัวเพิ่มขึ้นด้วยการพัฒนาสมรรถนะของผู้ประกอบการและบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ผ่านการฝึกอบรมทั้งการ Re-skill และ Up-skill ตามมาตรฐานอาชีพ การส่งเสริมให้ได้รับการรับรองคุณวุฒิวิชาชีพ เพื่อเป็นการการันตีคุณภาพของกลุ่มบุคคลดังกล่าว ให้สามารถนำองค์ความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ที่ได้ภายใต้โครงการไปสู่การต่อยอดการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นช่างประกอบ ติดตั้ง ซ่อมบำรุงเครื่องจักรอุตสาหกรรม ช่างติดตั้งและซ่อมบำรุงหุ่นยนต์และระบบหุ่นยนต์ วิศวกรหรือที่ปรึกษาที่ออกแบบระบบควบคุมอัตโนมัติในโรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงอาจารย์ ครู ที่มีส่วนสำคัญในการสร้างบุคลากรที่มีทักษะสูง ตอบสนองต่อความต้องการของภาคอุตสาหกรรม โดยมีเป้าหมายรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต จากนั้น ภายหลังการมอบประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพ ได้มีการเสวนาแนวทางการพัฒนาบุคลากรด้านหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ และรับฟังแนวทางการผลักดันการนำประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพไปใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยมี ดร.มะลิ จันทร์สุนทร ผู้อำนวยการสำนักรับรองคุณวุฒิวิชาชีพ สคช. เป็นผู้ดำเนินการเสวนา พร้อมด้วยวิทยากร 3 ท่าน คือ นายเทวิล สกุลบุญยงค์ ผู้อำนวยการศูนย์รับรองสมรรถนะของบุคคลตามมาตรฐานอาชีพ มทร.อีสาน ,นายปิยะบุตร ยิ้มแฟน วิศวกรโครงการบริษัท เอไอที เซอร์วิส จำกัด และนายกฤษฎา เกรียงศักดิ์พงศ์ ผู้จัดการแผนกโรงงานอัตโนมัติและหุ่นยนต์ ศูนย์เทคโนโลยีการผลิตและหุ่นยนต์สถาบันไทย-เยอรมัน ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการและกลุ่มอุตสาหกรรม รวมถึงนักศึกษาในสาขาที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ เพื่อรองรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมในอนาคตเข้ารับฟังกว่า 100 คน

สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) จัดกิจกรรม CSR "แบ่งปันเพื่อการเปลี่ยนแปลง" มอบอุปกรณ์การเรียนและจัดกิจกรรมพิเศษให้แก่นักเรียนในจังหวัดกระบี่ นายนคร ศิลปอาชา ประธานกรรมการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ พร้อมด้วยนายฌ็อง-โกลต ปวงเบิฟ (H.E. Jean-Claude Poimboeuf) เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย และภริยา ร่วมกิจกรรม CSR "แบ่งปันเพื่อการเปลี่ยนแปลง" ณ โรงเรียนบ้านควนเกาะจันทร์ ตำบลโคกยาง อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ ซึ่งมีการส่งมอบคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก อุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์กีฬา เพื่อใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนสำหรับนักเรียน โดยมีนายวัฒนา ศรีสุวรรณ ผู้อำนวยการโรงเรียน และคณะครูโรงเรียนบ้านควนเกาะจันทร์ เป็นผู้รับมอบ นอกจากนี้ สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ยังได้จัดกิจกรรมเสริมความรู้และทักษะให้แก่นักเรียน ร่วมกับสถานประกอบการท้องถิ่นในชุมชน โดยมีการสอนการใช้คอมพิวเตอร์เบื้องต้นและการตัดผมนักเรียน ซึ่งได้รับความสนใจจากนักเรียนและคณะครูเป็นอย่างมาก กิจกรรมครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ในการสนับสนุนการศึกษาและสร้างโอกาสให้แก่เยาวชนในพื้นที่ห่างไกลอีกด้วย

นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิชาชีพ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการ Development of a Green TVET Roadmap for Workforce Development ณ ประเทศเยอรมนี เป็นวันที่สาม โดยช่วงเช้าเดินทางร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวทางการฝึกอบรมพนักงานก่อนเข้าปฏิบัติงานจริงของโรงแรม Maritim ทั้งนี้มีการนำเสนอแนวทางการบริหารจัดการของโรงแรม สู่การเป็นธุรกิจสีเขียว (Green Business) ด้านต่าง ๆ อาทิ ระบบการบริหารจัดการขยะ การแยกประเภทของขยะ ทำให้สามารถ recycle และจัดการขยะได้อย่างมีประสิทธิภาพ การบริหารจัดการห้องเก็บอาหารสดซึ่งสามารถประหยัดพลังงานได้เพิ่มขึ้นเมื่อควบคุมอุณหภูมิไว้ที่ 8-10 องศาเซลเซียส และการหมุนเวียนเก็บอาหารไม่เกิน 3 วัน เพื่อให้อาหารสดใหม่อยู่เสมอ การบริหารจัดพลังงานทดแทนโดยการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ผลิตพลังงานขนาด 4 เมกะวัตต์สามารถใช้ได้อย่างเพียงพอภายในโรงแรม เป็นต้น ในช่วงบ่าย ร่วมประชุมแลกเปลี่ยนความรู้ ณ German Federal Institute for Vocational Education and Training (BIBB) โดยมีหัวหน้าฝ่ายต่างประเทศของ BIBB ให้การต้อนรับ พร้อมด้วยสมาคมการจัดการน้ำ การจัดการขยะ และการจัดการน้ำเสีย (DWE) ประเทศเยอรมณี รวมถึงโครงการผู้นำด้านความยั่งยืนของ BIBB ซึ่งมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ประสบการณ์ แนวทางการฝึกอบรมในอาชีพนักเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม การพัฒนาวิชาชีพด้านสิ่งแวดล้อม วิชาชีพด้านเทคโนโลยีด้านน้ำ รวมถึงงานการโรงแรมและการท่องเที่ยว ของประเทศเยอรมณี ร่วมกับผู้เข้าประชุมอีกด้วย

นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิชาชีพ พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร ร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการ Development of a Green TVET Roadmap for Workforce Development ณ ประเทศเยอรมนี เป็นวันที่สอง โดยช่วงเช้าได้เข้าเยี่ยมชมและศึกษากระบวนการฝึกอบรมเกษตรกรในประเทศเยอรมนี ณ หอการค้าเกษตร และวิทยาลัยการเกษตร North Rhine Westphalia and College of Agriculture ซึ่งมีอาจารย์ใหญ่ของวิทยาลัยให้การต้อนรับและนำเสนอกระบวนการฝึกอบรมสำหรับเกษตรกรในประเทศเยอรมนี นอกจากนี้คณะครูและนักเรียนของวิทยาลัยการเกษตร ยังนำเยี่ยมชมการบริหารจัดการและรายละเอียดส่วนต่าง ๆ ของฟาร์มอีกด้วย ในช่วงบ่าย ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ และคณะผู้บริหาร เข้าเยี่ยมชมและศึกษาการนำทักษะสีเขียวและดิจิทัลไปบูรณาการการศึกษาและฝึกอบรมในสายอาชีพ ณ หอการค้าหัตถกรรมโคเบลนซ์ โดยฝ่ายอาชีวศึกษาของหอการค้าฯ มีการนำเสนอรายละเอียดและความคิดริเริ่มเกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านการดำเนินกิจกรรมสู่การใช้ดิจิทัลและความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของตนเอง รวมถึงร่วมหารือเกี่ยวกับโอกาสและความท้าทายเพื่อการบูรณาการทักษะเหล่านี้เข้าสู่ระบบการศึกษาในสายอาชีพต่อไป นอกจากนี้ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ยังนำเสนอเกี่ยวกับภารกิจการดำเนินงานในปัจจุบันของสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) งานตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ และระบบ EWE Platform ก่อนจะเข้าชมการดำเนินงานด้านงานเชื่อม งานช่างก่อสร้างถนน งานไม้ และงานโลหะ ของหอการค้าหัตถกรรมโคเบลนซ์

นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิชาชีพ พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร เข้าร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการ Development of a Green TVET Roadmap for Workforce Development ที่ องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization: UNESCO) เมืองบอร์น ประเทศเยอรมนี โดยมี Mr. Friedrich Huebler, Head of UNESCO-UNOVOC ให้การต้อนรับ ในการประชุมครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมประชุมจากหน่วยงานระหว่างประเทศ ประกอบด้วย UNESCO-UNEVOC, OVEC-Ministry of Education Thailand, GlZ Germany, European Education, European Digital Innovation Hub of Construction Bulkaria, Basque Spain และ Colleges and Institutes Canada. โดยในการประชุมวันแรก ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ได้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายความยั่งยืนและเป้าหมายในการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ในปี 2050 และ การปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2065 ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ, กลุ่มมาตรฐานอาชีพที่สอดคล้องกับนโยบาย BCG Economy, แผนการขับเคลื่อนไปสู่ Green Workforce ผ่านมาตรฐานอาชีพ ใน 8 กลุ่มอุตสาหกรรม และยังได้ร่วมอภิปรายปัญหาและแนวทางการมุ่งสู่ Green Institute ภายในวิทยาลัย และการขับเคลื่อนในอนาคต

คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก คว้า 1 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน และ 7 เหรียญรางวัลยอดเยี่ยม จากเวที World Skills 2024 ครั้งที่ 47 ณ เมืองลียง ประเทศฝรั่งเศส นายนคร ศิลปอาชา ประธานกรรมการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ พร้อมด้วย นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ พร้อมคณะ ร่วมแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับเหรียญรางวัลในการแข่งขันฝีมือแรงงานนานาชาติ World Skills 2024 ครั้งที่ 47 ณ เมืองลียง ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งปีนี้ มีผู้เข้าแข่งขันตัวแทนประเทศไทย ได้รับเหรียญทอง จำนวน 1 เหรียญ ในสาขาการดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วย (Health and Social Care) คือ นางสาวอริยพร ลิ้มกมลทิพย์ สังกัดโรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี ซึ่งในสาขานี้ผู้ประกอบวิชาชีพจะต้องให้การสนับสนุนด้านสุขภาพผู้สูงอายุและผู้ป่วย ตั้งแต่การดูแลเบื้องต้น ไปจนถึงการฟื้นฟูสมรรถภาพ ทั้งยังต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ป่วย รวมถึงสื่อสารกับแพทย์ผู้ดูแลตลอดเวลา ต้องเป็นผู้ที่มีทักษะทางสังคมที่ยอดเยี่ยม และในขณะที่ดูแลผู้ป่วยต้องสามารถควบคุมอารมณ์ได้เป็นอย่างดี เพื่อรับมือกับความกดดันและความเครียดของผู้ป่วยอีกด้วย , ได้รับเหรียญเงิน จำนวน 1 เหรียญ ในสาขาเครื่องจักรกล CNC (เครื่องกลึง) (CNC Turning) คือ นายปรมินทร์ ภากุด สังกัด บริษัท เด็นโซ่ อินเตอร์เนชั่นแนล เอเชีย จำกัด ซึ่งเครื่องมือสำคัญที่ใช้ในกระบวนการของงานกลึงจะประกอบด้วย "เครื่องกลึง (Lathe)" และ "เครื่องมือตัด (Cutting Tools) เพื่อสามารถตัดชิ้นงานให้เป็นรูปร่างตามแบบที่ต้องการ ผู้ปฏิบัติงานที่ผ่านการฝึกอบรมจะคุ้นเคยกับวัสดุหลายประเภท เพื่อให้มั่นใจว่าขนาดของชิ้นส่วนสำเร็จตรงตามข้อกำหนดของการออกแบบอย่างแม่นยำ ทักษะสำคัญคือการสร้างต้นแบบจากการออกแบบทางเทคนิค โดยใช้เครื่องกลึงที่ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ที่ตัดตามข้อกำหนดที่ละเอียดอ่อน นอกจากนี้ ยังมีชาวไทยคว้าเหรียญฝีมือยอดเยี่ยมได้อีก 7 เหรียญ จาก 5 สาขา ได้เเก่ - สาขาอุตสาหกรรม 4.0 (ประเภททีม) โดย นายสุพจน์ เหมพิทักษ์ เเละนายภูริณัฐ สุนทราภัย สังกัดบริษัท เด็นโซ่ อินเตอร์เนชั่นแนล เอเชีย จำกัด - สาขาเมคคาทรอนิกส์ (ประเภททีม) โดยนายอภิสิทธิ์ ชัยโชติ สังกัดมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เเละนายนครินทร์ ศรีจันทร์ สังกัดมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น - สาขางานเชื่อม โดยนายสิทธิชัย ไชยวิเศษ สังกัดมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย สงขลา - สาขาการซ่อมตัวถังรถยนต์ โดยนายศราวุธ สุขแสวง สังกัดบริษัท เค คอนซัลติ้ง แอนด์ ซัพพลาย จำกัด ขอนแก่น - สาขาการบริการอาหารเเละเครื่องดื่ม โดยนางสาวกนกวรรณ อินทะ สังกัดวิทยาลัยอาชีวศึกษาชลบุรี นอกจากนี้ ได้ให้กำลังใจผู้ที่ผ่านการประเมินคุณวุฒิวิชาชีพจาก สคช. และได้เข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาติ World Skills Lyon 2024 ในปีนี้ จำนวน 2 คน ได้แก่ นายศุภชัย นามวงค์ สาขาวิชาชีพอุตสาหกรรมก่อสร้างและการผังเมือง สาขางานก่อสร้างฐานรากและโครงสร้างอาคาร อาชีพช่างก่ออิฐ 5 และ นางสาวลาลิต อเนกรูป สาขาวิชาชีพธุรกิจเสริมสวยและเสริมสร้างสุขภาพร่างกาย สาขาธุรกิจเสริมสวย อาชีพช่างทำผมบุรุษ 5 และอาชีพช่างทำผมสตรี 5 ประเมินผ่านองค์กรรับรองฯ สมาคมโรงเรียนเสริมสวยและตัดเย็บเสื้อผ้า โดยทั้ง 2 คน ได้รับประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพ และหนังสือรับรองสมรรถนะ ซึ่งนับว่าเป็นโอกาสที่คุณวุฒิวิชาชีพได้สนับสนุนและสร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่ประกอบอาชีพ ได้มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตนเอง และกล้าที่จะเข้าไปพิสูจน์ตัวเองในเวทีโลก ขอบคุณภาพจาก Worldskills Thailand

นางสาวนฤมล พูลทรัพย์ ที่ปรึกษาสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เป็นผู้แทนสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ร่วม “ประชุมเเลกเปลี่ยนเรียนรู้ทิศทางการขับเคลื่อนการพัฒนาคุณธรรมของเครือข่ายทางสังคม” ณ ห้องแกลอรี่

สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ลงพื้นที่แนะแนวการเรียนรู้สู่อาชีพเมืองตรัง นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ นำทีมเจ้าหน้าที่สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) จัดกิจกรรมฝึกอบรมการใช้งานระบบแนะแนวการเรียนรู้สู่อาชีพ (Learning and Career Guidance : LCG) ภายใต้ระบบ E-Workforce Ecosystem เพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต ให้คนเมืองตรัง ณ กะช่องฮิลล์ รีสอร์ท จังหวัดตรัง โดยมีนายวิชาญ ชัยเศรษฐสัมพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ร่วมปาฐกถาพิเศษ "คุณธรรมกับการเรียนรู้" และเป็นประธานกล่าวเปิดงาน โดยกิจกรรมนี้เป็นการนำร่องส่งเสริม สนับสนุน ให้ครูแนะแนวและนักเรียนในจังหวัดตรัง กว่า 300 คน โดยแบ่งฐานการเรียนรู้ออกเป็น 3 ฐาน ให้เข้าใช้งานและใช้ประโยชน์จากระบบ EWE ได้เก็บประวัติ เก็บข้อมูล รวมถึงสมรรถนะที่จำเป็นในอาชีพต่างๆ ในระบบ EWE ค้นหางานที่ชอบ อาชีพที่ใช่ ผ่านระบบแนะแนวการเรียนรู้สู่อาชีพ (LCG) การเรียนออนไลน์ E-Training และรับวุฒิบัตรผ่ายการฝึกอบรมจากระบบ E-training ได้ทันที นอกจากนี้ยังมีแผนการต่อยอดในการนำมาตรฐานอาชีพ นักแนะแนวอาชีพ มาจัดทำเป็นหลักสูตรฝึกอบรมให้แก่ครูแนะแนวต่อไป

สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ - เทคโนฯ ปทุมวัน พร้อมเป็นสะพานเชื่อมโลกการศึกษากับอาชีพร่วมกัน นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ พร้อมรองศาสตราจารย์ เสถียร ธัญศรีรัตน์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ลงนามความร่วมมือร่วมกันระหว่าง สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) และสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ในการส่งเสริมและพัฒนากำลังคนเพื่อเชื่อมโยงคุณวุฒิวิชาชีพ กับคุณวุฒิทางการศึกษา วิเคราะห์หลักสูตรการศึกษาเพื่อพัฒนาให้เป็นหลักสูตรที่สอดคล้องตามมาตรฐานอาชีพ นำไปสู่การสั่งสมสมรรถนะการเรียนรู้ (Competency Credit Bank) ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้ได้รับคุณวุฒิวิชาชีพ พร้อมทั้งสนับสนุนให้มีการประเมินสมรรถนะของบุคคลตามมาตรฐานอาชีพ ตลอดจนส่งเสริมการเข้าใช้งานระบบแฟ้มสะสมงานอิเล็กทรอนิกส์ (E-Portfolio) และระบบการเรียนรู้สมรรถนะของบุคคลตามมาตรฐานอาชีพอิเล็กทรอนิกส์ (E-Training) บนแพลตฟอร์มอัจฉริยะในการบริหารจัดการข้อมูลด้านกำลังคนและการพัฒนาสมรรถนะเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตของประเทศไทย (E-Workforce Ecosystem) รศ.เสถียร ย้ำว่า การมีช่องทางให้คนทำงานได้รับคุณวุฒิทางอาชีพ สามารถนำมาเทียบเพื่อรับวุฒิทางการศึกษาได้นั้น เท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้คนจำนวนมากโดยเฉพาะกลุ่มขาดโอกาส เพราะคนจำนวนมากที่หลุดจากการศึกษาแล้ว ส่วนใหญ่เลือกไม่กลับมา แต่เป็นผู้ที่มีประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถที่สะสมได้จากโลกอาชีพ บางคนศักยภาพสูงกว่าผู้ที่เรียนจบการศึกษาด้วยซ้ำไป ซึ่งกระบวนการทำงานร่วมกันกับสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพจะเปิดโอกาสให้คนจากโลกการทำงานกลับเข้าสู่โลกการศึกษาได้ง่ายขึ้น และเป็นการปรับตัวของสถานศึกษาให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบันด้วย นางสาวจุลลดา ยืนยันว่าสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพพร้อมส่งเสริมสนับสนุน และเป็นหนทางไปสู่ความสำเร็จให้กับนักศึกษาให้ได้ในทุกระดับ ด้วยทุกเครื่องมือที่สถาบันดำเนิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาบันอยากเห็นคนที่ขาดโอกาส หลุดออกจากโลกการศึกษาแต่มีความสามารถถึงคุณวุฒิวิชาชีพระดับ 5 หรือสูงกว่า สามารถสั่งสมสมรรถนะเทียบโอนเพื่อรับคุณวุฒิทางการศึกษา หรือรับปริญญาได้เมื่อต้องการ

ดร.ณฐา จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ให้การต้อนรับคณะนักศึกษาชั้นปีที่ 3 จาก Qujing Normal University มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน รุ่นที่ 2 จำนวน 12 คน ที่เข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การสอนภาษาชาวต่างประเทศ (ผู้สอนภาษาจีน) โดยมี คุณธนกฤต สุวรรณสิงห์ ผู้ประสานงานและอาจารย์ไซน์ เจีย หัวหน้าฝ่ายหลักสูตรและการสอนโรงเรียนภาษาและวัฒนธรรม ก้าวหน้า อาจารย์ไห่ หยาง ในฐานะองค์กรที่มีหน้าที่รับรองสมรรถนะบุคคลตามมาตรฐานอาชีพ เป็นผู้นำคณะเข้าเยี่ยมและขอบคุณสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพที่เปิดโอกาสให้มีการรับรองสมรรถนะบุคคล ในสาขาวิชาชีพบริการการศึกษา วิจัย และภาษา สาขาผู้สอนภาษาต่างประเทศ อาชีพผู้สอนภาษาจีน ระดับ 4 ก่อนที่จะไปทำหน้าที่เป็นครูผู้ฝึกสอนในโรงเรียนระดับประถมต้น - มัธยมศึกษาตอนปลาย ในทุกสังกัดทั่วประเทศ โดยก่อนที่จะสามารถทำหน้าที่ครูผู้ฝึกสอนได้นั้น ต้องผ่านกระบวนการ 3 ส่วน ประกอบด้วย 1.การเรียนรู้วัฒนธรรมไทย มารยาทและสิ่งที่ควรรู้สำหรับการทำงานในประเทศไทย 2.การอบรมเชิงวิชาการที่เกี่ยวข้องกับบริบทของโรงเรียนที่จะไปทำการฝึกสอน และ 3.ผู้เข้าร่วมโครงการทุกคนต้องผ่านการประเมินสมรรถนะบุคคลตามมาตรฐานอาชีพ สาขาผู้สอนภาษาต่างประเทศ อาชีพผู้สอนภาษาจีน ระดับ 4

ดร.ณฐา จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เป็นประธานแสดงความยินดีและมอบประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพ แก่ผู้ผ่านการฝึกอบรม และประเมินสมรรถนะบุคคล โครงการยกระดับสมรรถนะกำลังคนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยมาตรฐานอาชีพด้านอุตสาหกรรมชีวภาพ ที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม และสำนักงบประมาณ ตามแผนแม่บททางด้านอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต แผนย่อยด้านอุตสาหกรรมชีวภาพสาขาวิชาชีพเทคโนโลยีชีวภาพ อาชีพนักเทคโนโลยีชีวภาพทั่วไป ระดับ 3 , นักเทคโนโลยีชีวภาพทางการเกษตร ระดับ 5 และ นักเทคโนโลยีชีวภาพทางด้านอาหาร ระดับ 5 รวมจำนวน 30 คน ณ โรงแรมแกรนด์ปา โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จ.ลำพูน โครงการดังกล่าว เป็นความร่วมมือระหว่าง สคช. กับสำนักส่งเสริมและฝึกอบรม กำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่มีเป้าหมายให้ผู้ที่ผ่านการประเมินสมรรถนะและได้รับการรับรองนำองค์ความรู้และทักษะที่มีไปต่อยอดการทำงาน อาทิ อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร แปรรูปสินค้าการเกษตร เป็นต้น ภายหลังการมอบประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพ ยังมีการเสวนาแนวทางการพัฒนาบุคลากรในกลุ่มอุตสาหกรรมชีวภาพ ร่วมกับวิทยากรจากภาคเอกชน คุณสุรศักดิ์ ปิดความลับ ผู้จัดการแผนกวิจัยและพัฒนา บริษัท โกลคอนดาเอเชีย จำกัด และอ.นิภาพร จงภักดี รองผู้อำนวยการวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีลำพูน โดยมี ดร.มะลิ จันทร์สุนทร ผู้อำนวยการสำนักรับรองคุณวุฒิวิชาชีพ สคช. เป็นผู้ดำเนินการเสวนา ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบอาชีพกลุ่มอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหารและนักศึกษาจาก วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีลำพูน,เชียงใหม่ และเชียงรายเข้าร่วมรับฟังพร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

สคช.การันตีมืออาชีพ!! คนทำกลอง แห่งเดียวในไทย ณ หมู่บ้านทำกลองตำบลเอกราช อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง ดร.ณฐา จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ มอบประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพ แก่ผู้ผลิตกลอง ที่ผ่านการประเมินสมรรถนะจากการสะสมประสบการณ์การทำงานในอาชีพช่างผลิตเครื่องดนตรีไทย ระดับ 3 - ระดับ 8 รวม 32 คน โดยมีนายศราวุธ เผ่าพยัฆ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเอกราช ร่วมในพิธี ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งแรก ที่มีผู้ได้รับคุณวุฒิระดับ 8 ที่เป็นคุณวุฒิระดับสูงสุด ที่หากเทียบเคียงกับคุณวุฒิทางการศึกษาคือระดับปริญญาเอก จำนวน 3 คน ประกอบด้วย 1.นายสุวรรณ์ โพธิปิน 2.นายสนั่น บัวคลี่ และ3.นางภัศน์พร บัวคลี่ตระกูล รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพกล่าวว่า นอกจากผู้ผลิตเครื่องดนตรี จะทำงานได้ตามทักษะที่ตนเองถนัดแล้ว ต้องการผลักดันและส่งเสริม ให้ผู้ที่ได้รับคุณวุฒิระดับต่างๆ ได้มีการพัฒนาผลงานและสามารถขอการรับรองคุณวุฒิที่สูงขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและการบอกต่อแก่ลูกค้ามากยิ่งขึ้นด้วย ตำบลเอกราชมีครัวเรือนที่ทำกลองประมาณ 30 ครัวเรือน จึงทำให้เกิดเป็นชุมชน “หมู่บ้านทำกลองตำบลเอกราช” ที่สืบต่ออาชีพจากรุ่นสู่รุ่นมากกว่า 50 ปี ยังคงใช้ความดั้งเดิมในการผลิตแล้วอาจเพิ่มเติมวิวัฒนาการใหม่เข้ามาช่วยให้ดูทันสมัยยิ่งขึ้น แต่ยังรักษามาตรฐานเดิมโดยไม่ทิ้งภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีความเป็นเอกลักษณ์ไว้

ดร.ณฐา จันทนู รองผู้อำนวยสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ร่วมงาน “19th NIETHS Plus การวัดและประเมินผลระดับชาติสู่มาตรฐานสากล” และร่วมแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสครบรอบ 19 ปี การจัดตั้งสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทศ. ณ โรงแรม เดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ กรุงเทพ โดยมี พลตำรวจเอกเพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดงานพร้อมได้มอบรางวัล แก่นักเรียนที่มีผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติสูงสุดในแต่ละด้าน และโรงเรียนที่มีผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติสูงสุดขั้นพื้นฐาน (O-NET), โรงเรียนที่มีผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติสูงสุดด้านพระพุทธศาสนา (B-NET), โรงเรียนที่มีผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติสูงสุดด้านอาชีวศึกษา (V-NET), โรงเรียนที่มีผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติสูงสุดด้านอิสลามศึกษา (I-NET),โรงเรียนที่มีผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติสูงสุดด้านการศึกษานอกโรงเรียน (N-NET) รวม 81 รางวัล

สคช.เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในกลุ่มอาชีพต่างๆ เพื่อจัดทำมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพ ปี 2568 ที่โรงแรมเดอะ สุโกศล นายนคร ศิลปอาชา ประธานกรรมการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ กล่าวเปิดการสัมมนา Stakeholder Engagement กับการจัดทำมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพ งบประมาณปี 2568 โดยมี ดร.ณฐา จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมการสัมมนา ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ และเป็นผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียในกลุ่มอาชีพ ที่ได้ให้ความสนใจเข้าร่วมแสดงความคิดเห็นและเสนอแนะต่อการจัดทำมาตรฐานอาชีพ กว่า 100 คน จากหลากหลายแวดวงอาชีพทั้งภาครัฐและเอกชน ตลอดการสัมมนา นำโดยนางสาวโอมิกา บุญกัน ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานอาชีพละคุณวุฒิวิชาชีพ และนายชนพล อินเที่ยง หัวหน้ากลุ่มงานพัฒนามาตรฐานอาชีพ ได้ชี้แจงวัตถุประสงค์และหลักเกณฑ์สำหรับการพิจารณาที่จะนำไปสู่การดำเนินการจัดทำมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพ ว่าเป็นอาชีพที่สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล หรือยุทธศาสตร์ชาติ , ไม่เป็นอาชีพที่กฏหมายกำหนดหรือมีสภาวิชาชีพกำกับดูแล , เป็นอาชีพที่มีกำลังคนอยู่ไม่น้อยกว่า 5,000 คน หรือเป็นกลุ่มอุตสาหกรรม กลุ่มอาชีพบริการที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งในวันนี้มีผู้ที่ได้เสนออาชีพที่เหมาะสมว่าควรมีมาตรฐานอาชีพเพื่อยกระดับบุคลากรและเป็นการสร้างมูลค่าให้กับประเทศในหลากหลายมิติ ในแต่ละกลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มอุตสาหกรรม เช่น อาชีพ EV Conversion , อาชีพผู้ตรวจสภาพรถยนต์ไฟฟ้า , อาชีพช่างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า , ช่างซ่อมนาฬิกา , อาชีพอากาศยานไร้คนขับ , อาชีพผู้ผลิตและซ่อมชิ้นส่วนอากาศยาน และ AI Literacy / กลุ่มบริการ เช่น อาชีพนักโภชนาการ อาชีพผู้อำนวยการเล่น (Play Worker) , อาชีพหมอลำ , อาชีพสตั๊นท์แมน และกลุ่มอาชีพด้านเกษตรกรรม เช่น อาชีพผู้ปลูกผักอินทรีย์ปลอดภัย และอาชีพผู้ปลูกมังคุด เป็นต้น อย่างไรก็ตาม สคช.ได้รับฟังความคิดเห็นทั้งหมดและจะนำข้อมูลที่ได้รับไปพิจารณาก่อนที่จะเชิญผู้เชี่ยวชาญในกลุ่มวิชาชีพมาประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group) เพื่อจำแนกสมรรถนะในรายละเอียดของแต่ละอาชีพต่อไป

สคช.ผนึกกำลัง 3 หน่วยงาน สร้างงาน สร้างอาชีพให้ผู้ก้าวพลาด ให้กลับสู่สังคมอย่างมีคุณภาพ ลดโอกาสการกระทำผิดซ้ำ หนุนให้ได้ดีกรีทางอาชีพต่อยอดงานในอนาคต นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “การพัฒนาผู้ต้องราชทัณฑ์ด้วยระบบคุณวุฒิวิชาชีพเพื่อการมีงานทำ” ร่วมกับ นายชาญวชิรเดช รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ฝ่ายพัฒนา นายแสงชัย ธีรกุลวานิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย ณ โรงแรม เบสท์ เวสเทิร์น พลัส แวนด้า แกรนด์ โดยมี นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธี โดยมี ดร.ณฐา จันทนู รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ฝ่ายปฏิบัติการ , นายนิธิวัชร์ ศิริปริยพงศ์ รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ฝ่ายอำนวยการ และนายวิชัย ทองแตง ประธานที่ปรึกษาบริษัท ทีวีดี โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ขณะเดียวกันก็มี คุณโอปอล นางสาวสุชาตา ช่วงศรี มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2567 ได้ร่วมในพิธีและถ่ายภาพเป็นที่ระลึก การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้ สคช. จะสนับสนุนให้ผู้ต้องราชทัณฑ์ได้รับการฝึกอบรมหรือประเมินตามสมรรถนะที่กำหนดไว้ในมาตรฐานอาชีพที่เป็นที่ต้องการของผู้ประกอบการต่างๆ หรืออาชีพอิสระ เพื่อให้ได้รับประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพหรือหนังสือรับรองสมรรถนะ ตามทักษะที่แต่ละคนมี ตลอดจนสร้างโอกาสในระยะยาวให้ได้เข้าใช้งานแพลตฟอร์มอัจฉริยะในการบริหารจัดการข้อมูลด้านกำลังคนและการพัฒนาสมรรถนะเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตของประเทศไทย (E-Workforce Ecosystem) ผ่านระบบแฟ้มสะสมผลงาน E-Portfolio อีกทั้งจะส่งเสริมและเปิดโอกาสให้มีงานทำระหว่างต้องโทษ หรือหลังพ้นโทษ เพื่อให้สามารถกลับเข้าสู่สังคมได้อย่างปกติ รู้สึกถึงคุณค่าและภูมิใจความสามารถตนเอง เพื่อให้ไม่หวนกลับเข้าสู่วงจรการกระทำผิดซ้ำ โอกาสนี้ ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพกล่าวด้วยว่า การร่วมมือกันครั้งนี้เป็นการติดอาวุธทางความรู้ ทักษะ เป็นการพัฒนาศักยภาพเพื่อยกระดับให้กับผู้ต้องราชทัณฑ์ ที่เดิมทีอาจจะมีความสามารถอยู่แล้ว ให้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการเพิ่มดีกรีทางอาชีพ ทั้งนี้ เมื่อพ้นโทษแล้วอยากกลับเข้าสู่โลกของการศึกษาก็ยังสามารถนำคุณวุฒิวิชาชีพที่ได้รับไปเทียบเคียงได้อีกด้วย ภายในงาน ยังมีการจัดบูธแสดงผลงานของผู้ต้องราชทัณฑ์จาก เรือนจำ 13 แห่ง 12 กลุ่มอาชีพ อาทิ ด้านการทอผ้าพื้นเมือง, ด้านการบริการอาหารและเครื่องดื่ม, ด้านงานศิลปะ งานช่างสิบหมู่/ภาพวาด, ยักษ์ไฟเบอร์กลาส, วิชาชีพช่างเชื่อม, งานช่างไม้เครื่องเรือน และ วิชาชีพด้านเรือนจำท่องเที่ยวทัณฑสถานเกษตรอุตสาหกรรมเขาพริก จาก อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา เป็นต้น

สคช. แนะแนวการศึกษาต่อต่างประเทศ และการประกอบอาชีพหลังสำเร็จการศึกษาแก่เยาวชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวนกว่า 300 คน นายนิธิวัชร์ ศิริปริยพงศ์ รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ร่วมเป็นวิทยากรบรรยายในหัวข้อ “เปิดโลกคุณวุฒิวิชาชีพ เติมทักษะ พัฒนาคุณภาพชีวิตให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงสู่โอกาสของการทำงานแห่งอนาคต” ที่ โรงแรม ซี.เอส. ปัตตานี จังหวัดปัตตานี ซึ่งจัดขึ้นโดยศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) โดยมีนายวิสันต์ ประเสริฐศรี ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อแนะแนวการศึกษาต่อต่างประเทศ การรับรองวุฒิการศึกษา และการประกอบอาชีพภายหลังสำเร็จการศึกษาให้แก่เยาวชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ นายนิธิวัชร์ได้กล่าวถึงความสำคัญของทักษะแห่งอนาคต (Future Skills) ที่จำเป็นสำหรับตลาดงานยุคใหม่ ประกอบด้วยปัจจัยสำคัญ 4 ด้าน ได้แก่ การพัฒนาภาวะผู้นำในตนเอง การพัฒนาองค์ความรู้และกระบวนการคิด การพัฒนาทักษะระหว่างบุคคล และการพัฒนาความสามารถด้านดิจิทัล นอกจากนี้ยังได้แนะนำแนวทางการสร้างการเรียนรู้ตลอดชีวิตให้กับเยาวชน เพื่อให้สามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งแนะนำสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพและการเข้าใช้ระบบ E-Workforce Ecosystem Platform การแนะแนวทางการศึกษาต่อและการประกอบอาชีพในครั้งนี้ นับเป็นโอกาสที่สำคัญในการพัฒนาเยาวชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้พร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงและพร้อมรับโอกาสในอนาคต

นางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ให้การต้อนรับ คุณแองเจลา ผู้อำนวยการฝ่ายแผนและคณะจาก Workforce Development Agency หรือ WDA ไต้หวัน โดยการนำของ คุณสมหวัง บุญรักษ์เจริญ จากสถาบันไทย-เยอรมัน โดยในการพบปะครั้งนี้ได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงาน เกี่ยวกับการรับรองทักษะของกำลังคนแต่ละประเทศ แนวโน้มการพัฒนาทักษะแห่งอนาคต รวมถึงความร่วมมือในการส่งเสริมการพัฒนา การฝึกอบรมสายอาชีพ ซึ่งสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เป็นหน่วยงานของไทยที่ผลักดันและมีความร่วมมือกับเครือข่ายประเทศต่างๆ รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายกำลังคนที่มีทักษะสูง จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้มีการพัฒนาความร่วมมือกับระหว่างไทยกับไต้หวันต่อไป

ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ผงาดในเวทีเอเปค 2024 นำเสนอ “กรอบคุณวุฒิ” ในภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีและ AI ของประเทศไทย

สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) โดย ดร.มะลิ จันทร์สุนทร ผู้อำนวยการสำนักรับรองคุณวุฒิวิชาชีพ มอบประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพแก่ผู้ผ่านการฝึกอบรม และประเมินสมรรถนะบุคคล โครงการยกระดับสมรรถนะกำลังคนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยมาตรฐานอาชีพด้านอุตสาหกรรมชีวภาพ สาขาวิชาชีพเทคโนโลยีชีวภาพ ซึ่งมีผู้ผ่านการประเมินและได้รับคุณวุฒิวิชาชีพ จำนวน 302 คน ซึ่งมีผู้แทนเข้ารับมอบในวันนี้ จำนวน 10 คน ประกอบด้วย อาชีพนักเทคโนโลยีชีวภาพ ระดับ 3 , นักเทคโนโลยีชีวภาพทางการเกษตร ระดับ 5 และ นักเทคโนโลยีชีวภาพทางอาหาร ระดับ 5 ณโรงแรมเซ็นทาราไลฟ์ ศูนย์ราชการและคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์แจ้งวัฒนะ ซึ่งโครงการดังกล่าว สคช. มีความร่วมมือกับสำนักส่งเสริมและฝึกอบรม กำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดย ดร.กันยารัตน์ เชี่ยวเวช หัวหน้าโครงการ ได้นำเสนอผลการดําเนินงานและทิศทางการพัฒนาภายใต้โครงการยกระดับสมรรถนะกําลังคนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยมาตรฐานอาชีพ ด้านอุตสาหกรรมชีวภาพ" ว่าได้มีการจัดทำหลักสูตรฝึกอบรม จำนวน 3 หลักสูตร ที่ผ่านการศึกษา วิเคราะห์ความสอดคล้องกับมาตรฐานอาชีพของสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ จากนั้นให้ผู้สนใจสมัครเข้ารับการอบรมผ่านระบบ E-training http://nextacademy.kps.ku.ac.th พร้อมทั้งให้ส่งหลักฐานการทำงาน ที่สะท้อนประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสมรรถนะของอาชีพ เพื่อประกอบการพิจารณาของผู้เชี่ยวชาญ นายนันทวัฒน์ ธรรมใจ นายสัตวแพทย์ปฏิบัติการ สำนักงานปศุสัตว์พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ 1 ในผู้ได้รับคุณวุฒิวิชาชีพ อาชีพนักเทคโนโลยีชีวภาพทางการเกษตร ระดับ 5 กล่าวว่า การเข้าร่วมโครงการนี้ นอกจากได้วัดระดับความรู้ ทักษะของตนเองแล้ว ยังสามารถนำไปถ่ายทอดแก่เกษตรกร ในพื้นที่ที่รับผิดชอบให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ และได้ประชาสัมพันธ์ให้เข้าสู่การประเมินสมรรถนะในอาชีพอื่นๆ ที่สถาบันมีอีกถึง 52 สาขาวิชาชีพด้วย จากนั้น หลังพิธีมอบประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพแล้ว ได้มีการเสวนา แนวทาง การพัฒนาบุคลากรด้านอุตสาหกรรมชีวภาพตามแผนงานบูรณาการพัฒนาอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคตพร้อมทั้งมีการรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการผลักดันการนำประกาศนียบัตรคุณวุฒิวิชาชีพไปใช้ประโยชน์ ซึ่งมีผู้ร่วมเสวนา 3 คน ประกอบด้วย ดร.มัลลิกา แก้ววิเศษ รักษาการผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีชีวภาพทางการเกษตร สำนักวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ กรมวิชาการเกษตร , ดร.ประมวล ทรายทอง รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย สถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร , ดร.กันยารัตน์ เชี่ยวเวช ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมและฝึกอบรม กำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ ดร.มะลิ จันทร์สุนทร ผู้อำนวยการสำนักรับรองคุณวุฒิวิชาชีพ เป็นผู้ดำเนินการเสวนา ซึ่งทุกหน่วยงาน มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน ว่าหากมีการส่งเสริมให้บุคลากรที่อยู่ในวิชาชีพอุตสาหกรรมชีวภาพได้เข้ามาฝึกอบรมและสะสมประสบการณ์ในการทำงาน ผ่านหลักสูตรที่มีมาตรฐานวิชาชีพที่เป็นสากล จะช่ววยกระดับสมรรถนะของบุคลากร และต่อยอดการพัฒนากำลังคนของประเทศได้ต่อไป โดยในปีงบประมาณ 2568 สคช. มีแผนดำเนินโครงการนี้อย่างต่อเนื่อง หากท่านใดสนใจ สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ สำนักรับรองคุณวุฒิวิชาชีพ (สคช.) โทร. 063-373-3922 หรือ ติดตามข่าวสารทางเว็ปไซต์สถาบัน www.tpqi.go.th